เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2567 นางลำใย ชาสงวน อายุ 68 ปี ชาว ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร้อยตำรวจเอกอุทัย ศรีแนน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองมุกดาหาร พร้อมเล่าว่า เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้กู้เงินกับนาย โจ (นามสมมติ) เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท และได้ทำสัญญาที่บ้านของตนเอง ส่งรายวัน ๆ ละ 100 บาท เฉพาะดอกเบี้ย คิดอัตราร้อยละ 2 บาทต่อวัน

ตนเองทำสัญญากู้กับนายโจไว้ ซึ่งนายโจเก็บสัญญาไว้คนเดียว ตนเองได้จ่ายดอกเบี้ยมาโดยตลอด จากนั้นตนเองได้นำรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เอ็มเอสเอ็ก มาตีราคาใช้หนี้ให้กับนายโจ ซึ่งนายโจยอมรับและเอารถจักระยานยนต์คันดังกล่าวจากตนไปแล้ว

แต่ต่อมาวันที่ 18 พ.ย. 2567 นายโจได้มากับชายไม่ทราบชื่อ มาทวงหนี้ตนอีกครั้ง ว่าหนี้ยังคงค้างอยู่ 5,000 บาท ตนเองได้แย้งว่าได้นำรถ จยย.ไช้หนี้ไปแล้ว นายโจกับพวกจึงได้เดินทางกลับไป แต่เมื่อ 23 พ.ย. ทีผ่านมา นายโจมากับชายคนเดิม ได้กลับมาทวงหนี้อีกครั้ง ซึ่งตนเองได้โต้แย้งเช่นเดิม แต่นายโจกับพวก ไม่ ยอม จึงได้ข่มขู่ตนเอง โดยการใช้มือทุบโต๊ะวางของขาย ทำให้ตนเองรู้สึกกลัวและไม่ปลอดภัย จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน

นอกจากนี้ นางลำใย ยังกล่าวอีกว่า แก๊งเงินกู้นอกระบบได้ข่มขู่ตนเองว่า จะทำร้ายและกลุ่มคนร้ายได้เตะเตาแก๊สที่ตนใช้ทำมาหากินจนล้มลงกองกับพื้น ตนเองรู้สึกกลัวแก๊งเงินกู้นอกระบบมาก เพราะแก๊งนี้ไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือว่ากฏหมายเลย

ทางด้าน พ.ต.อ.ประยุทธ์ เรือนทองคำ ผู้กำกับ สภ.เมืองมุกดาหาร กล่าวว่า ตนเองได้กำชับตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายให้ทำคดีแก๊งเงินกู้นอกระบบอย่างตรงไป ตรงมา และไม่ต้องกลัวอิทธิพลใดๆกับแก๊งเงินกู้ฯ

ผู้สื่อข่าวจังหวัดมุกดาหาร รายงาน