หนุ่มสอบติดครู เดือดจัด ขนส่งไม่นำส่งหนังสือราชการ ทำพลาดรายงานตัว และมีโอกาสถูกตัดสิทธิ์

หนุ่มสอบติดครู เดือดจัด ขนส่งไม่นำส่งหนังสือราชการ ทำพลาดรายงานตัว และมีโอกาสถูกตัดสิทธิ์

จากกรณีโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่าง ๆ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากเพจ ขอนแก่นร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่ ซึ่งได้โพสต์ภาพจดหมายราชการจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษมัธยมศึกษา พังงา ภูเก็ต ระนอง และภาพของบริษัทขนส่งชื่อดังของไทยรายหนึ่ง พร้อมข้อความระบุว่า กระผม นายศดิศ ขอประณามความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ของที่ทำการไปรษณีย์บ้านฝาง จ.ขอนแก่น จากกรณีไม่นำส่งหนังสือราชการเรียกรายงานตัว โดยที่บุคลากรมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ดังนี้

- เพิกเฉย/ละเว้น ต่อการปฏิบัติหน้าที่ (จดหมายตกค้าง 16 ฉบับ)

- ปลอมแปลงลายมือชื่อ

- พูดเท็จไม่ตรงสภาพความเป็นจริง (อ้างอิงกล้องวงจรปิด)

- ละเลยและไม่ให้ความร่วมมือในการพิสูจน์ความถูกต้อง

ทำให้เกิดความเสียหายทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เหตุนี้กระผม นายศดิศ ไม่ได้เข้ารับการรายงานตัวตามวันเวลาที่กำหนดและมีโอกาสถูกตัดสิทธิ์ เบื้องต้น ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน รวบรวมหลักฐานประกอบการพิจารณาฟ้องร้องขอใช้พื้นที่นี้ประณามการทำงานที่ทำการไปรษณีย์บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ที่ไร้มาตรฐานทั้งเชิงปฏิบัติและการบริหารงานบุคคล จนกลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากบนโลกออนไลน์

ล่าสุด นายศดิศ เครื่องจำปา อายุ 26 ปี ชาว ต.บ้านฝาง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ผู้โพสต์ ได้มีการให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ กทม. ส่วนเรื่องการโพสต์รายละเอียดในเฟซบุ๊กนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนจริง ๆ เพราะตนได้สอบบรรจุครู ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนองไว้ ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จะมีการติดต่อให้ทราบผลการสอบรายงานตัวให้ทราบเป็นจดหมาย ซึ่งก็รอมาตลอด แต่ไม่ทราบเรื่องว่าตัวเองสอบครูได้ และต้องไปรายงานตัววันไหน เพราะไม่ได้รับจดหมาย

จนกระทั่ง ได้ไปติดตามในเพจของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง ซึ่งในเพจไม่ได้อัปเดตเรื่องรายละเอียดของการไปรายงานตัวบรรจุครู แต่ก็เห็นโพสต์ ที่มีการเรียกรายงานตัวของคนที่สอบได้เรียบร้อยแล้ว เป็นภาพที่ทุกคนนั่งอยู่ในห้องรายงานตัว ตนก็เลยเข้าไปดูคนที่กดแชร์โพสต์นี้ แล้วก็ทักไปหาครูที่ได้มีการรายงานตัววันนั้น ว่ามีการรายงานตัวด้วยหรือแล้วมีชื่อตนไหม

เพราะว่าในวันดังกล่าว มีเบอร์จากสำนักงานเขตฯ โทรมาที่เบอร์ของตนหลายสาย แต่ตนไม่ได้รับ เพราะติดสอนเด็กอยู่ ในขณะเดียวกันคนที่ตนทักไปถาม ก็ตอบมาว่ามีชื่อตนอยู่ และมีเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตฯ โทรตามให้ไปในวันรายงานตัว ตนมึนไปเลยเพราะที่บ้านไม่ได้รับจดหมายจากสำนักเขตฯ ซึ่งที่อยู่บ้านอยู่ที่ขอนแก่น แต่ตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่บ้านมีแม่อยู่ จึงให้แม่ไปเช็กที่ไปรษณีย์ ว่าเอกสารของตนตกค้างที่ไปรษณีย์หรือเปล่า

ในตอนแรกพนักงาน ปณ.อ้างว่าได้มาส่งแล้ว แต่ไม่มีคนอยู่บ้าน จึงได้ตีกลับจดหมายไปที่ไปรษณีย์ มีการออกหนังสือฉบับที่ 1 ให้ เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้มีการส่งจดหมายมาที่บ้านแล้ว แต่เจ้าตัวไม่อยู่บ้าน ทำให้มารับเอกสารล่าช้า จากนั้น ได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดของที่บ้าน ไม่พบว่ามีใครมาส่งจดหมายที่บ้าน ตามช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่อ้าง แต่ว่าในระบบของ ปณ.มีการเซ็นรับเอกสารไปแล้ว

ต่อมา ได้มีการไปที่ไปรษณีย์อีกครั้ง พบว่ามีจดหมายส่งมาที่บ้านตน ตกค้างอยู่ที่ไปรษณีย์ 16 ฉบับ โดยที่ไม่มีการนำส่งเลย รวมทั้งมีจดหมายที่เป็นหนังสือรายงานตัวรวมอยู่ด้วย ตนจึงได้รีบบินด่วนไปสำนักงานเขตฯ โดยนำหลักฐานที่รวบรวมได้ บันทึกประจำวัน กล้องวงจรปิด และเอกสารฉบับแรกที่ทางไปรษณีย์อำเภอออกให้ ที่แจ้งว่าตนไม่อยู่บ้าน หนังสือจึงตีกลับไปที่ไปรษณีย์ ไปยื่นเอกสาร ส่งบันทึกข้อความแสดงเอกสารหลักฐานทั้งหมด ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น สำนักงานเขตจึงแจ้งว่าจะนำเอาเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณา ซึ่งทางเขตก็ได้รับเรื่องไว้ เพราะทางสำนักงานเขตก็ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ

นายศดิศ กล่าวอีกว่า หนังสือที่ไปรษณีย์ต้องนำส่งนั้น เป็นหนังสือเรียกรายงานตัวไปบรรจุครู ซึ่งมีการเรียกตนไปรายงานตัว ถ้าตนได้ไปรายงานตัววันนั้น ตนก็ได้รับบรรจุ และก็ได้ไปทำงานแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ ปณ.ไม่นำส่งให้ จนเกิดการผิดพลาดขึ้น ซึ่งหลังจากที่ทางไปรษณีย์รู้ว่ามีกล้องวงจรปิด และตนไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน รวบรวมหลักฐาน และมีการถ่ายรูปเพื่อให้ทางไปรษณีย์ดู

ไปรษณีย์จึงได้มีการออกหนังสือฉบับที่ 2 มาว่า เป็นความผิดพลาดของทางไปรษณีย์เอง จากพนักงาน ตำแหน่งลูกจ้างเหมา ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีการนำจ่ายอีเอ็มเอสให้ถูกต้อง บันทึกข้อมูลผลผิดพลาด เนื่องจากเป็นพนักงานใหม่ ขณะที่ไปรษณีย์ก็ได้ประสานกับทางแม่ของตน เพราะแม่ของตนจะอยู่ในพื้นที่ ไปรษณีย์ก็ให้ผู้ใหญ่ ไปรษณีย์จังหวัด ไปรษณีย์ไทย ติดต่อรัฐมนตรี ติดต่อไปที่สำนักงานเขต ว่ากำลังเจรจากันอยู่ หัวหน้าของไปรษณีย์อำเภอแล้วก็พนักงานนำจ่าย ได้เข้าไปขอโทษแม่ที่บ้านเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 67

ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะแบ่งเป็น 2 อย่าง คือ ในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะถูกตัดสิทธิ์ไหม หรือจะถูกเลื่อนออกไปเป็นลำดับที่เท่าไร จะถูกเรียกอีกครั้งเมื่อไร แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ๆ แล้วก็คือการลางาน บินด่วนไปเพื่อส่งเอกสารหลักฐาน เพื่อไปคุยกับสำนักงานเขตโดยตรง แม่ก็ต้องลางานเพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับรถไปกลับบ้านกับไปรษณีย์เพื่อเจรจาพูดคุย รวบรวมเอกสาร ถ่ายภาพหลักฐานทั้งหมด และเรื่องของสภาพจิตใจ ของคนในครอบครัวที่เสียใจว่า มีการเลื่อนออกไป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ