เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา เพจ China Report ASEAN - Thailand ได้เผยแพร่รายงานและข้อมูลเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง Trip.com Group กับกัมพูชา ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตามองอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์จีน หลังผู้ใช้จำนวนมากแสดงความไม่พอใจและตั้งคำถามต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของแพลตฟอร์มท่องเที่ยวรายใหญ่ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และการประกาศลบแอปอย่างต่อเนื่อง
หากมองภาพรวมให้ชัด ความร่วมมือระหว่าง Trip กับ กัมพูชา ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลัน แต่เป็นกระบวนการที่ค่อย ๆ ขยับจากระดับนโยบาย สู่ระดับธุรกิจ และวันนี้กำลังลุกลามกลายเป็นประเด็นร้อนในหมู่ผู้ใช้จีนจำนวนมาก
ก่อนหน้าการลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ผู้บริหารระดับสูงของ Trip Group นำโดย Jane Sun (ซุน เจี๋ย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้มีการพบหารือกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในโอกาสหนึ่ง เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการผลักดันกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน และการใช้ศักยภาพของแพลตฟอร์ม Trip สนับสนุนนโยบายท่องเที่ยวของกัมพูชา
การหารือดังกล่าวครอบคลุมถึงแนวคิดการออกแบบแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจร ตั้งแต่การเดินทางเข้า-ออกประเทศ การจองที่พัก การทำตลาดดิจิทัล ไปจนถึงกิจกรรม MICE ร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น สะท้อนให้เห็นว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถูกวางกรอบไว้ในระดับยุทธศาสตร์มาตั้งแต่ต้น
ต่อมา แผนดังกล่าวได้เดินหน้าสู่ขั้นที่เป็นรูปธรรม เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2025 Kim Minea ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การท่องเที่ยวแห่งชาติกัมพูชา ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการตลาดและดิจิทัลกับ Trip Group โดยมี เฉิน กว่านฉี (Chen Guanqi) รองประธาน Trip Group เป็นผู้แทนฝ่ายบริษัท
แม้เอกสารความร่วมมือจะใช้ถ้อยคำว่าเป็น destination marketing และการโปรโมตการท่องเที่ยว แต่ในสายตาของผู้ใช้จำนวนมาก ข้อตกลงนี้ถูกมองว่าเป็นการยกระดับสู่ ความร่วมมือเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลผู้ใช้ของแพลตฟอร์ม Trip อย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปออกแบบแคมเปญและผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวสำหรับกัมพูชา
ทันทีที่ข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมา กระแสต่อต้านในหมู่ผู้ใช้จีนปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว บนโซเชียลมีเดียจีน มีคำถามจำนวนมากพุ่งตรงไปที่ Trip ว่า
ข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางของเรากำลังถูกใช้ลึกแค่ไหน?
ใครสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้?
แพลตฟอร์มยังปกป้องผู้ใช้ หรือแค่เดินหน้าหากำไร?
ความไม่พอใจยิ่งทวีความรุนแรง เพราะกัมพูชายังถูกมองว่ามีความเสี่ยงด้าน อาชญากรรมข้ามชาติ เครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ และคอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมาย ซึ่งเคยส่งผลกระทบต่อพลเมืองจีนมาแล้วในอดีต ผู้ใช้จำนวนมากจึงไม่ยอมรับการที่แพลตฟอร์มท่องเที่ยวรายใหญ่ เดินหน้าความร่วมมือเชิงลึกโดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองข้อมูล
ผลที่ตามมาคือ ผู้ใช้จีนจำนวนไม่น้อยประกาศลบแอป Trip และยกเลิกการใช้งาน เพื่อแสดงจุดยืนว่า ความสะดวกสบายในการเดินทาง ไม่ควรถูกแลกกับความเสี่ยงด้านข้อมูลและความปลอดภัยส่วนบุคคล
ในฝั่งกัมพูชา ความร่วมมือกับ Trip ถูกมองว่าเป็นโอกาสสำคัญ
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากไม่อาจยอมรับได้ ไม่ใช่เพียง ความร่วมมือ ครั้งนี้ หากแต่คือ ท่าทีของ Trip ที่เลือกเดินหน้า โดยไม่อธิบาย ไม่ชี้แจง และไม่แสดงความรับผิดชอบต่อความกังวลของผู้ใช้
ตลอดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น Trip ยังไม่สามารถตอบคำถามพื้นฐานที่สุดได้อย่างชัดเจนว่า ข้อมูลผู้ใช้ถูกนำไปใช้ลึกแค่ไหน
มีการแยกหรือป้องกันข้อมูลอย่างไร และ ผู้ใช้ยังมีสิทธิ์ควบคุมข้อมูลของตนเองอยู่หรือไม่
ในสายตาผู้ใช้จำนวนมาก นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดด้านการสื่อสาร แต่คือ การตัดสินใจเชิงโครงสร้าง ที่สะท้อนว่า Trip กำลังให้ความสำคัญกับ ข้อตกลงเชิงยุทธศาสตร์กับรัฐบาลต่างประเทศ มากกว่า ความไว้วางใจของผู้ใช้ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่สุดของแพลตฟอร์มดิจิทัล
แพลตฟอร์มท่องเที่ยวอาจสร้างรายได้จากการจอง แต่ แพลตฟอร์มอยู่ได้ด้วยความเชื่อใจ และเมื่อความเชื่อใจถูกตั้งคำถาม การเติบโตทางตัวเลขก็ไม่อาจชดเชยต้นทุนด้านชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือได้
การที่ผู้ใช้จีนจำนวนมากเลือก ลบแอป เลิกใช้ และไม่สนับสนุน Trip ไม่ใช่เพราะพวกเขาต่อต้านการท่องเที่ยว แต่เพราะพวกเขาไม่ยอมรับการที่ ข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ โดยไร้คำอธิบาย