เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2568 เว็บไซต์ต่างประเทศ SOHA ได้มีการรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนภัยประชาชนให้ตรวจเช็ก ถ้วยชาม ในบ้าน หากมีชามลักษณะนี้ ควรรีบหลีกเลี่ยงหรือเปลี่ยนใหม่ทันที เสี่ยงมีสารพิษตกค้าง สะสมเข้าสู่ร่างกายไม่รู้ตัว ไม่เพียงแต่อาหารปนเปื้อนเท่านั้น แต่ภาชนะที่ใช้ใส่อาหารก็เป็นสิ่งที่สัมผัสร่างกายโดยตรง ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงย้ำว่า การเลือกซื้อชามอาหารไม่ควรคำนึงเพียงความสวยงาม แต่ต้องพิจารณาคุณภาพ และความปลอดภัยของวัสดุด้วย
เปิดลิสต์ ชาม 3 ประเภท ที่เสี่ยงมีสารพิษตกค้าง
1. ชามสเตนเลสราคาถูก

ชามสแตนเลส เป็นที่นิยมเพราะแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัยต่อเด็กเมื่อทำตก อย่างไรก็ตาม สินค้าราคาถูกจำนวนมากในตลาดกลับผลิตจากวัสดุไม่ได้มาตรฐาน
จากผลสำรวจในจีนพบว่ากว่า 60% ของชามสเตนเลสราคาถูกไม่ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัย เพราะทำจากโลหะผสมคุณภาพต่ำและไม่ทราบแหล่งที่มา เมื่อใช้งาน ชามสเตนเลสด้อยคุณภาพอาจค่อย ๆ ปล่อยโลหะหนัก เช่น โครเมียม นิกเกิล และแมงกานีส ลงสู่อาหาร ร่างกายไม่สามารถขับโลหะเหล่านี้ออกได้ง่าย ทำให้สะสมในตับและไตจนก่อผลเสียระยะยาว
ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนว่าแก้วน้ำ กระบอกเก็บความร้อน และกล่องอาหารทำจากสเตนเลสราคาถูกก็ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะกระบอกน้ำร้อนที่มีโอกาสเร่งให้โลหะหนักละลาย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสเตนเลสเกรด 304 หรือ 316 เท่านั้น
2. ชามเซรามิกเคลือบสีราคาถูก

ภาชนะเซรามิกถือว่าเหมาะกับการใช้บนโต๊ะอาหาร แต่ปัจจุบันผู้บริโภคมักเลือกจากความสวยงามจนมองข้ามความปลอดภัย โดยเฉพาะชามเคลือบสีราคาถูกซึ่งมักใช้ สีเคลือบเหนือชั้นเคลือบ ที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนโลหะหนัก เช่น ตะกั่วและแคดเมียม
สินค้าที่มีราคาสูงมักใช้วิธีลงสีใต้ชั้นเคลือบ ทำให้ผิวเรียบ ละเอียด และฉนวนกันสีไม่ให้สัมผัสอาหารโดยตรง แต่ชามราคาถูกใช้วิธีทาสีบนผิวเคลือบ เมื่อโดนอาหารร้อนหรือการเสียดสี สีเหล่านี้อาจหลุดลอกและปล่อยโลหะหนักลงสู่อาหารอย่างต่อเนื่อง
การใช้ภาชนะเคลือบสีคุณภาพต่ำเป็นประจำอาจทำให้ได้รับโลหะหนักมากกว่ามาตรฐานความปลอดภัยถึง 2 - 3 เท่า
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เลือกชามสีเรียบ ไม่มีลวดลาย หากจำเป็นต้องซื้อชามลาย ให้เลือกแบบลงสีใต้ชั้นเคลือบเท่านั้น
3. ชามไม้

ชามไม้เป็นที่นิยมเพราะมีเอกลักษณ์ สวยงาม และค่อนข้างทนทาน แต่จุดอ่อนสำคัญคือไวต่อความชื้น ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย เมื่อเกิดเชื้อราอาจมีสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 โดยปริมาณเพียง 20 มิลลิกรัมก็อันตรายถึงชีวิต
แม้หลายคนเชื่อว่า การนำชามไม้ออกตากแดดจะช่วยลดปัญหา แต่หากชามเกิดรอยร้าว เชื้อราและสปอร์อาจซึมเข้าไปในเนื้อไม้ ซึ่งการล้างทำความสะอาดทั่วไปไม่สามารถกำจัดได้ และมักไม่เห็นด้วยตาเปล่า หากพบว่าชามไม้มีคราบราหรือรอยแตก ควรทิ้งทันทีเพื่อความปลอดภัย
ผู้เชี่ยวชาญ ย้ำเตือนอีกว่า การเลือกภาชนะใส่อาหารไม่ควรพิจารณาจากความสวยงามเพียงอย่างเดียว เพราะเป็นสิ่งที่ต้องใช้ในระยะยาวและสัมผัสร่างกายโดยตรง ผู้บริโภคจึงควรให้ความสำคัญกับคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อป้องกันการรับสารอันตรายเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว