สืบเนื่องจากกรณีที่เกาหลีใต้ประกาศให้ประชาชนเลี่ยงการเดินทางไปเยือนกัมพูชา หลังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของแก๊งอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมีพลเมืองถูกทรมานจนเสียชีวิต 1 คน ในจังหวัดกัมปอตด้วย หลังมีรายงานว่าเขาเดินทางมายังกัมพูชาเพื่อร่วมงานนิทรรศการที่กรุงพนมเปญ แต่ถูกหลอกลวงไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ล่าสุด เว็บไซต์ข่าว The Phnom Pehn Post ของกัมพูชา รายงานว่า เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชาพากันออกมาเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีใต้แยกแยะให้ชัดเชนระหว่างเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับนักท่องเที่ยวทั่วไป

นายเสียม สกเขง (Seam Sokkheng) นายกสมาคมมัคคุเทศก์ภาษาเกาหลีในกัมพูชา กล่าวว่า คนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวทั่วไป พวกเขาถูกล่อลวงมาด้วยข้อเสนองานผิดกฎหมายทางออนไลน์ ไม่ได้มาในฐานะนักท่องเที่ยวปกติ

นายเสียม ยืนยันว่า นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้หลายคนที่เป็นลูกค้าของเขาบอกว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ปลอดภัย แต่น่าเสียใจที่ผู้นำเกาหลีใต้ไม่แยกแยะสองเรื่องนี้ออกจากกัน เขาเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีใต้ให้ความรู้แก่พลเมืองของตนให้มากขึ้นเกี่ยวกับการถูกหลอกลวงทางออนไลน์ เพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งอาชญากรรม

เช่นเดียวกับ นายกิน เพีย (Kin Phea) ผู้อำนวยการสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของราชวิทยาลัยกัมพูชากล่าวว่า รัฐบาลเกาหลีควรให้คำแนะนำแก่ประชาชนก่อนเดินทางไปต่างประเทศทุกประเทศ ไม่ควรเจาะจงเฉพาะกัมพูชา

นอกจากนี้ เขายังชี้ว่า แรงกดดันทางการทูตจากเกาหลีใต้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่กลับจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศสั่นคลอน เขายังเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีใต้ร่วมมือกับกัมพูชาต่อสู้กับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ เพราะความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติเท่านั้นที่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ ซึ่งเขาย้ำว่ากัมพูชาเองก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน

ขณะที่นายทัช สุขะ โฆษกกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ยืนยันว่าทางการกัมพูชาไม่เคยนิ่งนอนใจและมุ่งมั่นที่จะปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยได้มีการติดตั้งป้ายเตือนภัยตามจุดผ่านแดนระหว่างประเทศ และพร้อมเปิดรับความร่วมมือจากนานาชาติ ทั้งในด้านการแบ่งปันข้อมูลและเทคโนโลยี ส่วนกรณีการหลอกลวงลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในกัมพูชาเพียงประเทศเดียว เพราะบางประเทศก็ประสบปัญหาที่ร้ายแรงกว่า

ข้อมูล The Phnom Pehn Post