วันที่ 1 ตุลาคม 2568 สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญภาวะ ชัตดาวน์ของรัฐบาลกลาง อีกครั้ง หลังจากที่วุฒิสภาพรรคเดโมแครตลงมติไม่เห็นชอบร่างกฎหมายขยายงบประมาณที่พรรครีพับลิกันเสนอ ส่งผลให้รัฐบาลขาดงบประมาณสนับสนุน และหน่วยงานหลายแห่งต้องปิดทำการตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันพุธที่ 1 ตุลาคม หรือตรงกับช่วงสายวันเดียวกันในประเทศไทย
การลงมติ เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา ได้ผลออกมา 55 ต่อ 45 เสียง ซึ่งยังไม่ถึงขั้นต่ำ 60 เสียงที่จำเป็น ทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวตกไป และวุฒิสภาปิดประชุมโดยไม่ได้ขยายเวลาอนุมัติเงินทุน การชัตดาวน์ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบเจ็ดปี นับตั้งแต่ครั้งใหญ่สุดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2018 ซึ่งกินเวลานานถึง 34 วัน
แม้ว่าภารกิจบางอย่าง เช่น งานด้านอวกาศของนาซา การควบคุมคนเข้าเมือง และงานบางส่วนขององค์การอาหารและยา (FDA) และกระทรวงเกษตร (USDA) จะยังเดินหน้าต่อ แต่หน่วยงานอื่นกลับได้รับผลกระทบชัดเจน โดยเฉพาะสำนักงานการบินแห่งชาติ (FAA) ที่ต้องพักงานพนักงานกว่า 11,000 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศอีกกว่า 13,000 คนยังคงต้องทำงานต่อไปโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
ผลพวงจากการชัตดาวน์ยังลุกลามสู่เศรษฐกิจ เพราะทำให้รายงานสำคัญอย่างตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนกันยายนและข้อมูลทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ต้องเลื่อนออกไป นักลงทุนจึงกังวลว่าเฟดอาจไม่มีข้อมูลเพียงพอในการประชุม วันที่ 29 ตุลาคม นี้ และต้องใช้ข้อมูลของตัวเองเป็นหลักในการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเตือนสมาชิกสภาคองเกรสว่าการปล่อยให้รัฐบาลต้องปิดทำการจะส่งผลเสียที่ ไม่สามารถย้อนกลับได้ เพราะจะทำให้หลายโครงการสำคัญต้องหยุดชะงักไปพร้อมกัน นักวิเคราะห์บางส่วนยังมองว่าการชัตดาวน์ครั้งนี้อาจรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะเปราะบางมากกว่าช่วงก่อน