วันที่ 19 กันยายน 2568 เว็บไซต์ The Diplomat เผยแพร่บทความโดย ซู คอฟฟีย์ และ กอร์ดอน โคโนชี ระบุว่า ตลอด 2 ปีที่ ฮุนมาเนต ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ความคาดหวังในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกกลับพังทลายลง เดิมทีหลายฝ่ายคาดหวังว่าผู้นำคนใหม่ซึ่งจบการศึกษาจากตะวันตกจะสามารถนำความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกมาให้ แต่ความหวังดังกล่าวกลับดับลงอย่างสิ้นเชิง

บทความระบุว่า ฮุนมาเนต ยังคงดำเนินนโยบายต่อเนื่องจากพ่อของเขา โดยกวาดล้างฝ่ายค้านอย่างต่อเนื่องทั้งในการเลือกตั้งปี 2018 และ 2023 จนแทบไม่เหลือคู่แข่งทางการเมือง ขณะเดียวกัน ฮุนเซน ยังคงมีอำนาจสูงในฐานะประธานวุฒิสภา ส่งผลให้พรรคประชาชนกัมพูชา ครอบงำรัฐอย่างสมบูรณ์

ด้านสิทธิมนุษยชนยังคงเสื่อมถอย นักเคลื่อนไหวและนักข่าวถูกคุกคาม ขณะที่ประชาชนในหลายชุมชนถูกยึดที่ดินเพื่อนำไปมอบให้กลุ่มทุน ส่งผลกระทบต่อป่าไม้และสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง

ในส่วนของเศรษฐกิจ กัมพูชายังคงพึ่งพาอุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นหลัก ทำให้แรงงานจำนวนมากต้องอพยพไปทำงานต่างประเทศ นอกจากนี้ ประเทศยังถูกกล่าวหาว่าเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์และค้ามนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค สร้างรายได้มืดปีละหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงพัวพัน

ชาวกัมพูชายังคงมีความหวังว่าจะได้เห็นประชาธิปไตยกลับคืน แต่ด้วยการเลือกตั้งที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด โอกาสในการเปลี่ยนแปลงยังเลือนราง เว้นแต่ประชาคมโลกจะกดดันรัฐบาลกัมพูชาอย่างจริงจังมากขึ้น