สร้างกระแสฮือฮาทั้งประเทศ สำหรับทีมนักเรียน โรงเรียนหมอนทองวิทยา ที่กลายเป็นดาวเด่นประจำศึกฟุตบอลแชมป์กีฬา 7 สี 2568 หลังสร้างเรื่องราวสุดประทับใจ เดินทางไปแข่งขันด้วย รถขนฝัน รถบรรทุก 4 ล้อคันเก่า ๆ โดยมี อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ โค้ชของทีม ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้คุมทีมและคนขับรถพาเด็ก ๆ ฝ่าทางไกลร่วมสนาม

แต่ผลงานในสนามกลับไม่ธรรมดา เพราะหมอนทองวิทยาโค่นทีมใหญ่ระดับบิ๊กเนม ไล่ชนะ เทพศิรินทร์ สกอร์สุดมัน 7-6 ในรอบ 8 ทีม ก่อนถล่ม อัสสัมชัญศรีราชา 6-3 ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศชนกับทีมแกร่งจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท เมื่อวันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ณ สนามศุภชลาศัย

แม้นัดชิงชัย หมอนทองวิทยาจะพ่ายไปอย่างน่าเสียดาย 1-2 แต่ผลงานของทีมชุดนี้ถือว่าสร้างตำนาน สนามแตก และชนะใจแฟนบอลทั่วประเทศเต็มๆ เพราะทุ่มเททั้งหัวใจฟุตบอลและหัวใจความฝัน จนทำให้ชื่อของหมอนทองวิทยาถูกพูดถึงไปทุกวงการกีฬา

หนึ่งในนักเตะที่ถูกจับตาหนักที่สุด คือ เต วรากร ช่างเขียนดี เจ้าของเสื้อเบอร์ 6 ผู้ได้รับฉายา วิตินญ่า แห่งหมอนทองวิทยา ด้วยลีลาการเล่นสุดพรสวรรค์ ทั้งความเร็ว เทคนิคจัดจ้าน และความขี้เล่นกวนๆ ในแบบเด็กบอลจอมแก่น แต่เต็มไปด้วยแพชชั่นสุดหัวใจ

ชมรมฟุตบอลศิษย์เก่าหมอนทองวิทยา เปิดโปรไฟล์ของเจ้าหนูคนนี้เอาไว้ว่า วรากร ช่างเขียนดี หรือที่เพื่อน ๆ เรียกกันว่า เต เป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ปี เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2551 เติบโตและมีบ้านเกิดอยู่ที่ตำบลช้างข้าม อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่โรงเรียนหมอนทองวิทยา มีส่วนสูง 168 เซนติเมตร น้ำหนัก 53 กิโลกรัม แม้รูปร่างจะไม่ใหญ่โต แต่โดดเด่นด้วยความคล่องตัว และกลายเป็นหนึ่งในนักเตะความหวังของโรงเรียนที่ถูกจับตามองมากที่สุดในเวลานี้

ไม่ใช่แค่แฟนบอลที่หลงรักฝีเท้า แต่เพื่อนสนิทของเจ้าตัว อย่าง ศุกลภัทร เกี้ยงแก้ว ผู้รักษาประตูของทีม ยังออกมาเผยเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของ เต วรากร ว่า เต เป็นเพื่อนสนิทผมเองครับ ปีที่แล้วอยู่ด้วยกันที่อะคาเดมี่ระยอง เอฟซี เมื่อก่อนมันเกเรครับ ดื้อสุด ๆ แต่เรื่องฟุตบอลนี่คือที่สุด มาปีนี้ย้ายไปอยู่หมอนทอง ฟอร์มนี่คือดีขึ้นมาก เก่งกว่าเดิม 2-3 เท่า ตั้งแต่ไปอยู่กับ อ.สกล

เรียกได้ว่าจากเด็กดื้อ กลายเป็นตัวรุกพรสวรรค์ จากทีมที่ไม่มีแม้กระทั่งรถบัส กลายเป็นทีมที่ทำให้ทั้งสนามลุกขึ้นปรบมือ นี่คือ เต วรากร ช่างเขียนดี หนึ่งในดาวรุ่งที่พิสูจน์ว่า ความฝันของเด็กตัวเล็ก ๆ ใหญ่ได้เสมอ ถ้าลงสนามด้วยหัวใจ อย่างไรก็ตา ดูเหมือนว่าอนาคตของเด็กคนนี้ เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น และวงการลูกหนังไทยอาจได้เห็นเขาเติบโตไปไกลกว่านี้แน่นอน