วันที่ 29 ธันวาคม 2568 นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก Hun Manet ข้อความเป็นภาษากัมพูชา ซึ่งแปลเป็นไทยใจความว่า มอบถึงพี่น้องทหารกล้าและตำรวจผู้กล้าหาญทุกท่าน ตลอดจนพี่น้องร่วมชาติอันเป็นที่เคารพและรักยิ่ง!

วันนี้ ในนามหัวหน้ารัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชา ข้าพเจ้าขอส่งสารหนึ่งไปยังพี่น้องร่วมชาติทุกคน ในห้วงเวลาที่แผ่นดินเกิดอันเป็นที่รักของเรา กำลังเผชิญกับโศกนาฏกรรมจากสงคราม หลังจากที่เราได้รับสันติภาพอย่างสมบูรณ์เมื่อปี 1998

กัมพูชาเคยผ่านไฟสงครามมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี รวมถึงระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทำให้ประชาชนทุกคนรู้คุณค่าที่แท้จริงของ “สันติภาพ” และในสถานการณ์ปัจจุบัน เราไม่มีความปรารถนาใดมากไปกว่าความสงบ และโอกาสในการพัฒนาชาติให้ก้าวหน้า

ในความหมายนี้ กัมพูชายึดถือ “สันติภาพและการพัฒนา” เป็นคุณค่าที่สูงสุด และสนับสนุนระเบียบภูมิภาคและระหว่างประเทศอย่างจริงใจ บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญา และข้อตกลงต่าง ๆ โดยเฉพาะกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎบัตรอาเซียน เพื่ออยู่ร่วมกับประเทศต่าง ๆ อย่างสันติ ไม่ว่าจะในภูมิภาคหรือในเวทีโลก

ด้วยจิตวิญญาณดังกล่าว รัฐบาลกัมพูชาได้ยึดถือแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และยังคงพยายามเจรจาทุกช่องทาง เพื่อยุติการเผชิญหน้าด้วยอาวุธ และหวนกลับสู่การแก้ไขปัญหาเขตแดนผ่านกลไกทางเทคนิคและกรอบกฎหมายที่มีอยู่

หลังจากความพยายามเจรจาอย่างอดทนสูงสุด กัมพูชาและไทยตกลงกันใช้มาตรการ “หยุดยิงทันที ณ จุดที่อยู่” มีผลตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันที่ 27 ธันวาคม 2025

การเลือกใช้มาตรการหยุดยิงนี้ มิได้หมายความว่ากัมพูชายอมแพ้ หรือยอมแลกบูรณภาพแห่งดินแดนกับสันติภาพ และยิ่งมิได้หมายความว่าเราไร้ขีดความสามารถ หรือสละสิทธิ์การป้องกันตนเอง ตรงกันข้าม การตัดสินใจนี้แสดงให้เห็นว่า กัมพูชาเลือกเส้นทางสันติภาพ และให้ความสำคัญสูงสุดต่อชีวิตและความทุกข์ยากของประชาชน แม้จะต้องเผชิญกับแรงกดดันใด ๆ ก็ตาม

แม้เรายังสามารถต่อสู้ได้ต่อไป แต่ในฐานะประเทศเล็ก ๆ เราไม่อาจได้ประโยชน์ใดจากการทำสงครามยืดเยื้อ ปัจจุบันมีผู้ลี้ภัยกว่า 5 แสนคน กำลังรอวันที่จะได้กลับบ้าน เด็กนับพันกำลังรอวันกลับไปโรงเรียน และครอบครัวทหาร-ตำรวจมากมายกำลังเฝ้าคอยคนที่พวกเขารักกลับจากสมรภูมิ

ดังนั้น ขณะที่ยังมีโอกาสแก้ไขปัญหาเขตแดนด้วยสันติวิธี รัฐบาลจึงตัดสินใจเลือกการเจรจายุติการสู้รบ เพื่อลดความเจ็บปวดและการสูญเสียให้มากที่สุด ขณะนี้มีพลเรือนเสียชีวิต 32 ราย และบาดเจ็บ 93 ราย

มาตรการ “หยุดยิง ณ ที่ตั้ง” หมายถึง กองกำลังทั้งสองฝ่ายต้องหยุดยิง และคงกำลังในตำแหน่งที่ยืนอยู่ ณ เวลาที่เริ่มหยุดยิง โดยไม่มีผลกระทบต่อเส้นเขตแดน ซึ่งยังยึดตามสนธิสัญญาเดิมทั้งหมด และกัมพูชายังสงวนสิทธิ์แก้ไขปัญหาเขตแดนตามกฎหมายและกลไกที่มีอยู่

ทั้งสองฝ่ายยังเห็นชอบให้คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) กลับมาทำงานต่ออย่างเร่งด่วน เพื่อวัดและกำหนดเขตแดน โดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยมีประชาชนอยู่อาศัย เพื่อให้เกิดสันติภาพระยะยาวตามแนวพรมแดน

มาตรการหยุดยิงยังเปิดทางให้ผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยและสง่างาม รัฐบาลได้มอบหมายกระทรวงกลาโหม มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดสถานที่ปลอดภัยและประสานงานให้กลับบ้านเร็วที่สุด ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่ปลอดภัย รัฐบาลจะหาทางแก้ไขต่อไป

ตามเงื่อนไขแถลงการณ์ เมื่อหยุดยิงได้ผลเต็มที่ 72 ชั่วโมง ทหารกัมพูชา 18 นาย จะได้รับการปล่อยตัวกลับประเทศ ตามเจตนารมณ์แถลงการณ์กัวลาลัมเปอร์ 26 ตุลาคม 2025

แถลงการณ์ยังย้ำการร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ในการผลักดันความร่วมมือสำคัญอื่น ๆ ต่อไป ต่อจากข้อตกลงหยุดยิง 28 กรกฎาคม 2025 และแถลงการณ์กัวลาลัมเปอร์ รวมถึงเอกสารข้อตกลงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ในนามรัฐบาลกัมพูชา ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณอย่างลึกซึ้งต่อมิตรประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ จีน และประเทศอาเซียน ภายใต้การประสานงานของมาเลเซีย ที่ช่วยสนับสนุนกระบวนการนี้อย่างแข็งขันตั้งแต่ต้น

กัมพูชาขอยืนยันการปฏิบัติตามแถลงการณ์หยุดยิงอย่างเต็มที่ และยินดีต้อนรับการสนับสนุนจากมิตรประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มบทบาทผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) เพื่อตรวจสอบและรับรองการปฏิบัติมาตรการต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

สุดท้ายนี้ ในนามหัวหน้ารัฐบาล และในฐานะพลเมืองกัมพูชาคนหนึ่ง ข้าพเจ้าขอแสดงความกตัญญูและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ต่อพระมหากษัตริย์ และสมเด็จพระราชินีแห่งกัมพูชา ที่ทรงสนับสนุนรัฐบาลและห่วงใยประชาชนมาโดยตลอด

ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณต่อการเสียสละของทหารและตำรวจทุกนาย ที่ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน รวมถึงสำนึกถึงความรักชาติและความสามัคคีของประชาชนทั้งในและต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ล้ำค่ากว่าสิ่งใดทั้งหมด

เรียบเรียง สยามนิวส์