พี่ศรีฯ นำชาวร้อยเอ็ด ฟ้องผู้ว่าฯกับพวก 9 หน่วยงาน ปมปล่อยนายทุนดูดทรายแม่น้ำมูล
ข่าวสังคม - โซเชียล

พี่ศรีฯ นำชาวร้อยเอ็ด ฟ้องผู้ว่าฯกับพวก 9 หน่วยงาน ปมปล่อยนายทุนดูดทรายแม่น้ำมูล

วันที่ 22 ธ.ค.68 ที่ศาลปกครองอุบลราชธานี นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ร่วมกับชาวร้อยเอ็ดได้เดินทางมายื่นฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดกับพวกรวม 9 คน/หน่วยงาน กรณีให้ความเห็นชอบให้นายทุนใหญ่ได้ใบอนุญาตดูดทรายในแม่น้ำมูล เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อตลิ่งริมมูลพัง สภาพธรรมชาติของลำน้ำเป็นสีขาวขุ่น กระทบต่อระบบประปาหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน ทั้งยังมีการแผ้วถางทำลายป่าบุ่งป่าทามซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน อันขัดต่อกฎหมายหลายฉบับ ชาวบ้านออกมาร้องเรียนและคัดค้านอย่างต่อเนื่อง แต่หน่วยงานรัฐทั้งหลายต่างเพิกเฉย จึงขอให้สมาคมฯโลกร้อนมาช่วย

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมีนายทุนใหญ่ในจังหวัดร้อยเอ็ด ได้วิ่งเต้นยื่นเรื่องขออนุญาตดูดทรายตามมาตรา 9 ของประมวลกฎหมายที่ดินในแม่น้ำมูล บริเวณพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.ยางคำ อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด เมื่อปี 2566-68 ซึ่งบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับพื้นที่ป่าดอนกุดหล่ม ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ ป่าบุ่งป่าทามของชุมชน ซึ่งชาวบ้านในตำบลยางคำหลายหมู่บ้านร่วมกันอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ร่วมกันมาอย่างยาวนาน แต่นายทุนกับมาขอดูดทรายในบริเวณดังกล่าว โดยไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ.2546 ทำให้ตลิ่งพัง แม่น้ำมูลขุ่นข้น กระทบต่อการนำไปทำน้ำประปาหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน

ที่สำคัญบริเวณท่าดูดทราย กลับถูกแผ้วถางใช้เป็นพื้นที่กองทรายของนายทุนใหญ่ ซึ่งเนายอำเภอโพนทรายและองค์การบริหารส่วนตำบลยางคำ กลับเพิกเฉยทั้งๆที่เป็นหน้าที่ในการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันของตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สําหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน 2553 แต่ปล่อยให้นายทุนดูดทรายแผ้วถางพื้นที่เสียหายไปหลายไร่ ทั้งๆที่บริเวณดังกล่าวเป็นสมบัติของแผ่นดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน

อีกทั้ง ผู้ว่าฯร้อยเอ็ดในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องราวขออนุญาตประกอบกิจการตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินประจำจังหวัด กลับไม่เปิดโอกาศให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 25 และมาตรา 43 ประกอบมาตรา 57 บัญญัติ รวมทั้งเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอีกลายฉบับ อาทิ กฎหมายโรงงาน กฎหมายการเดินเรือ มติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ (wetland) ฯลฯ แต่หน่วยงานรัฐต่างๆที่เกี่ยวข้องกลับเพิกเฉยเสียงคัดค้านของชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว

เมื่อหน่วยงานรัฐไม่ฟังเสียงชาวบ้านดังกล่าว ชาวร้อยเอ็ดกว่า 170 คนจึงมอบอำนาจให้สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนมายื่นฟ้องผู้ว่าฯร้อยเอ็ดกับพวกรวม 9 คน/หน่วยงานต่อศาลปกครองอุบลราชธานีในวันนี้ ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบและละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยขอให้สั่งระงับมิให้มีการดูดทรายในแม่น้ำมูลไว้พรางก่อน จนกว่าคดีจะถึงที่สุดด้วย

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน