วันที่ 14 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา เพจ ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย เปิดเผยเอกสารจากระบบกฎหมายสหรัฐฯ กรณีบริษัทอเมริกันแห่งหนึ่งรับงานจากรัฐบาลกัมพูชา เพื่อดำเนินการสงครามข้อมูลข่าวสารหรือการล็อบบี้ในเวทีระหว่างประเทศ

ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย ได้นำเอกสารทางการออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อชี้ให้เห็นกลไก ทุน-รัฐ-ล็อบบี้ ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในสงครามข้อมูลข่าวสาร โดยเป็นกรณีของบริษัทอเมริกันที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลกัมพูชา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้รัฐบาลกัมพูชาในสายตานานาชาติ และโจมตีประเทศไทยทางอ้อม

เอกสารดังกล่าวถูกพบจากเว็บไซต์ efile .fara. gov ซึ่งเป็นระบบขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย FARA ของสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่าเอกสารนี้ไม่ใช่ข่าวลือ ไม่ใช่ AI และไม่ใช่เอกสารปลอม แต่เป็นเอกสารที่ต้องเปิดเผยตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม STRONG เน้นย้ำว่า เอกสารนี้ไม่ใช่การรับรองจุดยืนของสหรัฐฯ หากแต่เป็นการเปิดเผยว่าใครกำลังดำเนินสงครามข้อมูลกับใคร

เอกสารที่ถูกเปิดเผยคือเอกสารประชาสัมพันธ์ (Press Release) ที่ยื่นต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ โดยบริษัท National Consulting Services, Inc. ซึ่งระบุสถานะชัดเจนว่าเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลกัมพูชาในสหรัฐอเมริกา

ในเนื้อหาเอกสาร มีสาระสำคัญหลัก 3 ประเด็น เริ่มจากการสื่อสารต่อผู้นำระดับโลก โดยอ้างว่านายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ส่งหนังสือถึงผู้นำสำคัญ เช่น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นำจีน ผู้นำยุโรป และเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อขอการสนับสนุนต่อท่าทีของกัมพูชาในประเด็นข้อพิพาท

ประเด็นที่สอง คือการกล่าวหาไทยในเวทีนานาชาติ โดยเอกสารระบุข้อความอย่างชัดเจนว่า ไทยใช้กำลังฝ่ายเดียว ขยายแนวรั้วและลวดหนาม ขับไล่พลเรือนกัมพูชา ละเมิด MOU 2000 และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่ง STRONG ย้ำว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่รายงานข้อเท็จจริงจากสหรัฐฯ แต่เป็นคำกล่าวอ้างฝ่ายเดียวของรัฐบาลกัมพูชา ที่ถูกจัดทำให้อยู่ในรูปเอกสารทางการ

ประเด็นที่สาม คือการใช้กลไกทางกฎหมายและประวัติศาสตร์เพื่อกดดันไทย โดยเอกสารพยายามอ้างถึง สนธิสัญญา 1904 / 1907 คำวินิจฉัยศาลโลก และ MOU 2000 เพื่อสร้างภาพว่าไทยเป็นฝ่ายละเมิด ขณะที่กัมพูชาเป็นฝ่ายถูกกระทำ ซึ่ง STRONG ระบุว่านี่คือ Information Warfare เต็มรูปแบบ

ในส่วนของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เอกสารระบุชัดว่า National Consulting Services, Inc. เป็นผู้จัดทำและเผยแพร่ในฐานะตัวแทนรัฐบาลกัมพูชา มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ลงนามโดยผู้บริหารบริษัทฝั่งสหรัฐฯ และเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหรัฐฯ พร้อมขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย FARA

ชมรม STRONG เตือนสังคมไทยว่า กรณีนี้ไม่ใช่เพียงการสื่อสารธรรมดา แต่คือการรบโดยไม่ใช้กระสุน ใช้เอกสาร ภาษา และเวทีโลก เพื่อบ่อนทำลายความชอบธรรมของประเทศไทย ความอันตรายไม่ได้อยู่ที่เอกสารปลอมหรือจริง แต่อยู่ที่การนำเสนอในนามรัฐและเผยแพร่ผ่านระบบกฎหมายของมหาอำนาจ

ท้ายที่สุด STRONG ย้ำจุดยืนว่า อธิปไตยไทยไม่ใช่ของต่อรอง การเจรจาต้องตั้งอยู่บนความจริง ไม่ใช่การกล่าวหา ไทยต้องไม่เงียบในสงครามข้อมูล รัฐต้องตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริง และต้องจัดการเครือข่ายทุนและอิทธิพลที่บ่อนทำลายชาติจากทุกทิศทาง

STRONG ระบุว่า ประเทศไทยไม่เลือกสงคราม แต่จะไม่ยอมให้ใครใช้ข้อมูลบิดเบือนมาทำร้ายประเทศ แม้เอกสารจะดูเป็นทางการและน่าเชื่อถือเพียงใด ความจริงจำเป็นต้องถูกตรวจสอบอย่างรอบด้าน