เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงเปรียบเทียบถึงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งชายแดน โดยระบุว่า สงครามครั้งล่าสุดได้สะท้อนข้อเท็จจริงหลายประการที่สังคมอาจไม่เคยรับรู้มาก่อน

นายสนธิกล่าวว่า ที่ผ่านมา สาธารณชนรับรู้เพียงการยึดคืนพื้นที่จำนวน 11 จุด ซึ่งเป็นผลงานของกองทัพภาคที่ 2 ภายใต้การนำของแม่ทัพภาค 2 เท่านั้น ขณะที่พื้นที่ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 ก่อนหน้านี้ กลับไม่ปรากฏข่าวการยึดคืนพื้นที่แต่อย่างใด ในช่วงที่ พลโทอมฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งของ พลโท วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 จนถึงช่วงที่สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามถึงขั้นเปิดฉากการปะทะ นายสนธิระบุว่า กองทัพภาคที่ 1 สามารถยึดคืนพื้นที่ได้หลายแห่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประเทศไทยสูญเสียอธิปไตยไปเป็นเวลานานแล้ว

นายสนธิยกตัวอย่างพื้นที่บ้านหนองจาน ซึ่งสูญเสียไปนานถึง 17–18 ปี ตั้งแต่ก่อนกรณีการจับกุม นายวีระ สมความคิด รวมถึงพื้นที่หนองหญ้าแก้ว และพื้นที่อื่นอีกหลายแห่ง ซึ่งประชาชนไทยจำนวนมากไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าประเทศไทยเคยสูญเสียอธิปไตยในพื้นที่ดังกล่าว

นอกจากนี้ นายสนธิยังกล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ตนรู้สึกชื่นชม คือท่าทีที่ชัดเจนของทั้งแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ยืนยันการใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 เป็นหลักในการปฏิบัติการ แทนการใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000

นายสนธิระบุเพิ่มเติมว่า พลโทวรยส สามารถจัดการกับปัญหาพื้นที่พิพาทหลายจุดที่ยืดเยื้อมายาวนาน ซึ่งก่อนหน้านี้ พลโทอมฤทธิ์ เคยให้เหตุผลว่าไม่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่กลับสามารถดำเนินการได้ภายในเวลาเพียง 2 วันภายใต้การนำของแม่ทัพภาคที่ 1 คนปัจจุบัน

ทั้งนี้ นายสนธิได้ตั้งคำถามต่อสาธารณชนว่า เหตุใด พลโทวรยส จึงสามารถดำเนินการยึดคืนพื้นที่ได้ ขณะที่ผู้บัญชาการคนก่อนหน้าไม่สามารถดำเนินการในลักษณะเดียวกันได้

ชมคลิป