หลังจากที่ น.ส.โอ , น.ส.ออ นายบิ๊ก และนายต้น เข้ามาสอบปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางกรวย ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งใช้เวลานานหลายชั่วโมง แต่ยังไม่มีใครให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน และอ้างว่าขอให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ธ.ค.68 ที่สภ.บางกรวย นายสารวัตร กิจพานิช หรือไอซ์ ผู้ประกาศข่าวช่อง 8 เดินทางเข้ามาพบ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อสอบปากคำ โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มารอติดตามความคืบหน้าของคดี

นายสารวัตร หรือไอซ์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้เดินทางเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเรียก เรื่องของโทรศัพท์มือถือที่ครอบครัวได้มอบหมายให้ ตนยอมรับว่ามีการเปิดดูบ้างแต่ไม่ทราบข้อมูลการเสียชีวิต รายละเอียดอื่นๆขอเข้าไปพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ซึ่งโทรศัพท์มือถือ(อาจะเป็นหลักฐานสำคัญ) ถือเป็นเรื่องส่วนตัวและทางครอบครัวได้ไว้ใจให้ตนเป็นผู้นำมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีญาตินำออกจากบ้านมามอบให้
ตนอยากพูดถึงกรณีเรื่องการค้นบ้าน และมีข่าวว่าตนไม่นำกุญแจบ้านมาให้ กุญแจบ้านอยู่จ.เชียงราย ตนไม่แน่ใจว่าการสื่อสารเกิดอะไรขึ้นและไม่อยากโทษใคร ตนมีการนัดหมายกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วในฐานะคนกลางประสานกับญาติ โดยครอบครัวไม่ได้ติดปัญหาอะไรเพียงแต่ยังไม่เสร็จจากงานศพของพี่นัท และมีการนัดหมายวันกับทางเจ้าหน้าที่แล้ว สุดท้ายเวลาไม่ตรงกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยากเข้าไปเปิดบ้านดูในวันนี้ ตั้งแต่พี่นัทเสียชีวิตตนไม่เคยถือกุญแจบ้าน ส่งคืนให้ใคร หรือลืมหยิบมาจากจ.เชียงราย ญาติได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าขอเลื่อนวันเข้าตรวจบ้านแล้ว และตนได้คุยกับพี่วันชัย ซึ่งเป็นนักข่าวของจังหวัดนนทบุรี ว่าเดี๋ยวคงต้องมีข่าวออกเรื่องว่าตนลืมเอากุญแจบ้านมา

ตนมองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควรจะเข้าไปตรวจค้นบ้านตั้งแต่วันแรกโดยไม่จำเป็นต้องขอหมายค้น พยานทุกคนพร้อมเข้ามาให้ข้อมูลอยู่แล้ว พอมีข่าวออกว่ามีหมายเรียกทางครอบครัวก็ค่อนข้างตกใจ และตนได้มีการนัดหมายเข้ามาอยู่แล้ว
ตนรู้จักผู้หญิง 2 คน เพราะเป็นเพื่อนร่วมงาน และตนเคยเห็นคนชื่อต้น แต่คนชื่อบิ๊กไม่เคยเจอ หรือรู้จัก ส่วนตัวพี่นัทมีสังคมของตัวเองหลายกลุ่ม อย่างพวกเราก็เป็นกลุ่มเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ไม่ค่อยได้เล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังเท่าไหร่ ตอนแรกที่รับแจ้งเหตุเรื่องการกินยาเสียชีวิต ตนไม่แน่ใจว่าสาเหตุเพราะอะไร หากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งแบบนั้นจริงควรเข้าไปตรวจเลยมั้ย รู้ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปแต่ไม่ทราบว่าเข้าไปทำอะไร

จริงๆไม่ได้มีใครเข้าไปพบซองยาไซยาไนด์ แต่มันเกิดจากการที่เราสงสัยและเราไม่ปล่อยผ่าน มีคนพูดถึงและเอามาให้ดู เราไม่อยากให้มีการตีความไปต่างๆและกระทบกับคนตายเพราะเป็นพี่เรา รวมถึงครอบครัว จึงทำให้เราลำบากใจในการให้ข้อมูล
จนไม่อยากจะพุ่งเป้าไปที่ไหนเพราะกลัวว่าคนจะตีความไปและมีผลกระทบกับครอบครัวของพี่นัท ด้วยความที่ตนมีความสนิทและเป็นคนสุดท้ายได้ทำงานร่วมกัน มันไม่มีสัญญาณอะไรเลยแม้กระทั่งสัญญาณของการทำร้ายตัวเอง รวมถึงคนอื่นที่จะทำร้าย ซึ่งมันไม่มีเหตุใดๆ ที่เราจะมาตอบว่าใครทำอะไรด้วยสาเหตุอะไร ซึ่งตนไม่เคยรู้เรื่องการมีไซยาไนด์ พี่นัทไม่เคยบอกว่ามีไว้ในครอบครอง
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดนนทบุรี รายงาน