แจงแล้ว! สภาทนายฯ เผยสาเหตุลบชื่อ ทนายคนดัง พ้นจากทะเบียน
ข่าวสังคม - โซเชียล

แจงแล้ว! สภาทนายฯ เผยสาเหตุลบชื่อ ทนายคนดัง พ้นจากทะเบียน

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่สภาทนายความ ดร.พีรภัทร ฝอยทอง โฆษกสภาทนายความ เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการมรรยาทได้รับคำร้องเรียนเมื่อช่วงปลายปี 2564 จากผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งถูกล่อลวงจากคดีเกี่ยวข้องกับการทรงเจ้าสื่อวิญญาณจนเกิดความเสียหายจำนวนมาก โดยผู้เสียหายได้รับคำแนะนำให้ติดต่อทนายความรายหนึ่งที่มักปรากฏตัวตามสื่อต่าง ๆ ต่อมาทนายความดังกล่าวได้พาผู้เสียหายไปออกรายการโทรทัศน์ชื่อดัง และได้รับการว่าจ้างให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ถูกกล่าวหาฐาน ร่วมกันฉ้อโกง

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการทำสัญญาว่าจ้าง ทนายความกลับแก้ไขรายการงานเป็น ดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาล และภายหลังได้เพียงทำหนังสือร้องเรียนต่อผู้อำนวยการศาล ทั้งที่ผู้เสียหายยืนยันมาโดยตลอดว่าต้องการให้ดำเนินคดีฉ้อโกง อีกทั้งในสัญญายังระบุว่าสามารถปรับกลับไปเป็นคดีฉ้อโกงได้โดยใช้ค่าจ้างเดิม แต่ทนายความผู้นี้ก็ไม่ได้นำคดีฉ้อโกงเข้าสู่กระบวนการให้กับลูกความแต่อย่างใด

การกระทำดังกล่าวเข้าลักษณะ การจงใจละเว้นหน้าที่ที่ควรกระทำเพื่อประโยชน์ของลูกความ หรือปิดบังข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 3 ข้อ 12 (2)

ต่อมาผู้เสียหายได้ขอคืนเงินค่าจ้างบางส่วนเนื่องจากไม่ประสงค์ให้ดำเนินการคดีต่อ แต่ทนายความกลับปฏิเสธโดยอ้างว่าหากลูกความยุติคดีจะไม่มีการคืนเงิน ไม่ว่ากรณีใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไม่สามารถอ้างทางกฎหมายได้ และเข้าข่าย ฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ รวมถึงการหน่วงเหนี่ยวเงินของลูกความโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามข้อบังคับมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 3 ข้อ 15

ยิ่งไปกว่านั้น การที่ทนายความแนะนำให้ผู้เสียหายดำเนินคดีฐานละเมิดอำนาจศาล ทั้งที่เป็นคดีผิดต่อศาลและผู้เสียหายไม่มีสิทธิยื่นฟ้องเอง ถือเป็นการประกอบอาชีพหรือปฏิบัติตนในลักษณะที่ฝ่าฝืนศีลธรรมอันดี หรือทำให้วิชาชีพทนายความเสื่อมเสีย ซึ่งเป็นความผิดตามข้อบังคับมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 4 ข้อ 18

เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ทั้งหมด คณะกรรมการบริหารสภาทนายความมีความเห็นว่าการกระทำของทนายรายนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสาธารณชนและศักดิ์ศรีของวิชาชีพ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ลงโทษลบชื่อทนายความออกจากทะเบียน ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 52 (3) โดยมีผลเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ตามที่โฆษกสภาทนายความระบุ

ทนายความรายนี้เป็นคนละบุคคลกับทนายที่เพิ่งถูกพักใบอนุญาตเป็นเวลา 1 ปี จากกรณีออกรายการโทรทัศน์กล่าวหาอดีตทนายความรายหนึ่งว่าดรียกรับเงินอดีต ผกก. ในคดีใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้