NARIT เฉลยแล้ว หลังพบ ลูกไฟ ปริศนาเหนือท้องฟ้า ที่เห็นในหลายจังหวัดภาคเหนือ
ข่าวสังคม - โซเชียล

NARIT เฉลยแล้ว หลังพบ ลูกไฟ ปริศนาเหนือท้องฟ้า ที่เห็นในหลายจังหวัดภาคเหนือ

วันที่ 14 พ.ย.2568 เพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โพสต์ กรณี ลูกไฟ เหนือท้องฟ้า พบเห็นในหลายจังหวัดทางภาคเหนือตอนบนของไทย ช่วงเย็นวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 คาดอาจเป็นดาวตกชนิดระเบิด โดยระบุว่าวันที่ 14 พ.ย.2568 เพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โพสต์ กรณี ลูกไฟ เหนือท้องฟ้า พบเห็นในหลายจังหวัดทางภาคเหนือตอนบนของไทย 

ช่วงเย็นวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 คาดอาจเป็นดาวตกชนิดระเบิด โดยระบุว่า ในช่วงเวลาประมาณ 17:07 น. ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย อาทิ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา และน่าน มีรายงานการสังเกตเห็นลูกไฟสว่างวาบบริเวณใกล้ทิศเหนือ โดยไม่มีรายงานความเสียหายและเกิดอันตราย เบื้องต้นคาดว่าเป็น ดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) ที่ไม่อาจระบุได้ว่ามาจากฝนดาวตกชุดใด และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงจอดของยานในภารกิจเสินโจว-20 ของจีนแต่อย่างใด

จากลักษณะของดาวตกที่ปรากฏในคลิปวิดีโอตามโซเชียลมีเดีย คาดว่าเป็นดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) ซึ่งเป็นดาวตกที่มีความสว่างมาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเริ่มสว่างลุกจ้าที่ระดับความสูง 80 ถึง 120 กิโลเมตรเหนือพื้นผิวโลก จึงสามารถสังเกตเห็นได้หลายพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนบนของไทย

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกับภารกิจเสินโจว-20 (Shenzhou 20) ที่มียานบรรทุกนักบินอวกาศชาวจีนจากสถานีอวกาศเทียนกงของจีนกลับมายังโลก ซึ่งยานเดินทางถึงพื้นผิวโลกบริเวณเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางตอนเหนือของจีน ในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 15:30 น. ตามเวลาประเทศไทย [1] ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนเกิดดาวตกครั้งนี้ ยานลำดังกล่าวจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับดาวตกดวงนี้

ส่วนข้อมูลฝนดาวตกชุดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนของปีนี้ [2][3] พบว่าไม่สามารถระบุได้ว่าดาวตกดวงนี้สัมพันธ์กับฝนดาวตกชุดใด
ฝนดาวตกชุดลีโอนิดส์ (Leonids) : กลุ่มดาวสิงโตที่เป็นศูนย์กลางการกระจายตัวตกลับขอบฟ้าไปแล้ว (โลกหันประเทศไทยออกจากแนวพุ่งเข้ามาของสายธารสะเก็ดดาวของฝนดาวตกชุดนี้)

ฝนดาวตกชุดทอริดส์ทางเหนือ (Northern Taurids) และชุดทอริดส์ทางใต้ (Southern Taurids) : กลุ่มดาววัวที่เป็นศูนย์กลางการกระจายตัวยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้า (โลกยังหันประเทศไทยไม่ถึงแนวพุ่งเข้ามาของสายธารสะเก็ดดาวของฝนดาวตกชุดนี้)

ฝนดาวตกชุดอัลฟา โมโนเซอโรติดส์ (Alpha Monocerotids) : ฝนดาวตกชุดนี้เริ่มในวันที่ 15 พฤศจิกายน ฝนดาวตกชุดโอไรออนิดส์เดือนพฤศจิกายน (November Orionids) : กลุ่มดาวนายพรานที่เป็นศูนย์กลางการกระจายตัวยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้า (โลกยังหันประเทศไทยไม่ถึงแนวพุ่งเข้ามาของสายธารสะเก็ดดาวของฝนดาวตกชุดนี้)

จึงอาจเป็นไปได้ว่าดาวตกดวงนี้จะมาจากสะเก็ดดาวที่หล่นมายังโลก โดยที่ไม่ได้มากับสายธารสะเก็ดดาวของฝนดาวตกชุดใด ๆ โดยปกติแล้ว มีวัตถุในอวกาศที่โคจรเข้ามาใกล้โลกแล้วตกลงมายังโลกเรื่อย ๆ ทุกวัน นักดาราศาสตร์พบว่าอัตราการตกของสะเก็ดดาวสู่โลกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 48.5 ตันใน 1 วัน [4] แต่แทบทั้งหมดนั้น เผาไหม้หมดไปในชั้นบรรยากาศโลก และหากเหลืออุกกาบาตถึงพื้นผิวโลก ก็มีโอกาสที่จะตกในมหาสมุทรหรือพื้นทวีปส่วนที่เป็นพื้นที่รกร้างมากกว่า

วัตถุที่กลายเป็นดาวตกลูกนี้ ไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูล วัตถุใกล้โลก (Near-Earth Object : NEO) แต่อย่างใด ซึ่งในฐานข้อมูลของศูนย์การศึกษาวัตถุใกล้โลก ห้องปฏิบัติการเครื่องยนต์ขับเคลื่อนไอพ่น (JPL) ขององค์การนาซา สหรัฐฯ ณ วันที่ 12 พฤศิกายน ค.ศ. 2025 [5] ระบุว่ามีจำนวนดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกที่ตรวจพบแล้ว 39,949 ดวง แบ่งเป็น
ขนาดใหญ่กว่า 140 เมตร 11,477 ดวง
ใหญ่กว่า 1 กิโลเมตร 878 ดวง
ดาวหางใกล้โลก 124 ดวง

แสดงว่าวัตถุใกล้โลกกลุ่มที่มีขนาดใหญ่นั้น นักดาราศาสตร์ตรวจพบหมดแล้ว มีการคำนวณวงโคจร และคาดการณ์ตำแหน่งขณะใกล้โลก และพบว่าไม่มีความเสี่ยง แต่ในส่วนวัตถุใกล้โลกกลุ่มที่มีขนาดเล็กนั้น ด้วยขนาดที่เล็กเพียงไม่กี่เมตรและระยะห่างที่ไกลในหลักล้านกิโลเมตร ทำให้เทคโนโลยีระบบการตรวจหาวัตถุในปัจจุบันยังค้นพบได้ไม่หมด แต่การพัฒนาเทคโนโลยี (ทั้งเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ ระบบควบคุม ฐานข้อมูล และระบบคำนวณวงโคจร) ทำให้นักดาราศาสตร์ตรวจพบวัตถุใกล้โลกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการพุ่งชนโลกของวัตถุใกล้โลกเหล่านี้

ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก : NARIT