เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา จากกรณี เกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจวางแนวรั้วลวดหนามใกล้ชายแดนกัมพูชา
พลทหารอภิรักษ์ ศรีสมไชย อายุ 21 ปี ทหารสังกัด ร.16 พัน.1 หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาข้างขวา และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เล่าว่า เวลาประมาณ 08.30 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ตนพร้อมจ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ สมาพงษ์ และเพื่อนทหารรวม 25 นาย ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติภารกิจวางแนวรั้วลวดหนามเพิ่มเติมในพื้นที่ห้วยตามาเรีย ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง 100-200 เมตร ระหว่างที่กำลังปฏิบัติงาน จ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ทำหน้าที่ถืออาวุธลาดตระเวนดูแลความปลอดภัย เนื่องจากจุดดังกล่าวอยู่ใกล้ชายแดนและยังไม่มีรั้วกั้น อีกทั้งมีทหารกัมพูชามายืนดูอยู่ฝั่งตรงข้าม
พลทหารอภิรักษ์เล่าต่อว่า ระหว่างที่กำลังมัดลวดหนามอยู่ข้างหน้าจุดที่จ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ตรวจตราอยู่ ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น หันไปเห็นจ่าสิบเอกเทิดศักดิ์นั่งกองกับพื้นและกุมขาเพื่อห้ามเลือด จึงรีบเข้าไปช่วยพร้อมเพื่อนทหาร นำเปลสนามมาหามออกจากจุดเกิดเหตุไประยะหนึ่ง โดยในขณะนั้นยังไม่รู้ตัวว่าตนเองก็ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเช่นกัน
พลทหารอภิรักษ์ตั้งข้อสังเกตว่า ทุ่นระเบิดที่พบเป็นระเบิดใหม่ คาดว่าฝั่งกัมพูชาเพิ่งลักลอบนำมาฝังไว้ เพราะบริเวณดังกล่าวเคยมีการตรวจสแกนหาทุ่นระเบิดมาก่อนแต่ไม่พบ และไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ ตนเพิ่งเข้ามาซ่อมแซมแนวรั้วลวดหนามบริเวณนี้ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ
ด้านพลทหารอนุชา สุจารี ทหารสังกัด ร.16 พัน.1 อีกหนึ่งผู้บาดเจ็บ ถูกแรงระเบิดจนแน่นหน้าอกและตาอักเสบ รักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์เช่นกัน เล่าว่า ขณะเกิดเหตุอยู่ด้านหลังจ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ในระยะไม่ไกล จ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ได้เตือนพลทหารด้านหน้าให้ระวังทหารกัมพูชาบุกเข้ามา เพราะเห็นทหารกัมพูชามายืนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ใกล้แนวรั้ว เพียงครู่เดียวก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจนตนหมดสติ
พลทหารอนุชาเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุมีทหารกัมพูชาหลายนายยืนสังเกตการณ์อยู่หน้าจุดปฏิบัติการของทหารไทย ห่างออกไปเพียง 15-16 เมตร และได้ตะโกนให้ของลับเป็นภาษาเขมร แต่ทหารไทยไม่ได้ตอบโต้ จนเมื่อเกิดเหตุระเบิด ทหารกัมพูชาก็วิ่งแตกกระเจิง ส่วนตนเองวิ่งหนีไปด้านหลังเพราะเข้าใจว่าเป็นระเบิดมือที่ถูกขว้างเข้ามา
พลทหารอนุชาตั้งข้อสังเกตว่า ระเบิดที่พบเป็นระเบิดใหม่ น่าจะเพิ่งถูกลักลอบนำมาฝังไว้เมื่อคืนก่อนเกิดเหตุ เพราะจุดดังกล่าวยังไม่มีแนวรั้วลวดหนาม ทำให้สามารถลอบเข้ามาได้ง่าย และจากการตรวจสแกนก่อนหน้านี้ก็ไม่พบว่ามีทุ่นระเบิด จึงมั่นใจว่าระเบิดนี้เพิ่งถูกนำมาวางไม่นาน
สำหรับอาการบาดเจ็บ พลทหารอนุชามีอาการแน่นหน้าอกจากแรงอัดระเบิด และตาทั้งสองข้างแดงอักเสบจากดินกระเด็นใส่หน้า หลังเกิดเหตุเมื่อเริ่มตั้งสติได้ ได้รีบล้างหน้าและเข้ารับการตรวจจากแพทย์สนาม ก่อนถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี