สลดใจมาก พ่อเผยสาเหตุ ลูกชายวัย 3 เดือน เสียชีวิตในสถานรับเลี้ยง
ข่าวสังคม - โซเชียล

สลดใจมาก พ่อเผยสาเหตุ ลูกชายวัย 3 เดือน เสียชีวิตในสถานรับเลี้ยง

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประสานงานเพจ สายไหมต้องรอด เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร นายอภิเษก เหมือนอัน อายุ 38 ปี พร้อมภรรยา เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือ หลังลูกชายวัยเพียง 3 เดือนเสียชีวิตอย่างปริศนาในสถานรับเลี้ยงเด็ก โดยครอบครัวยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

นายอภิเษก เผยว่า ภรรยาเพิ่งคลอดได้ไม่นาน ก่อนทั้งคู่ต้องกลับไปทำงานประจำ ตนประกอบอาชีพพนักงานเก็บขยะ จึงไม่มีเวลาดูแลลูกตลอดวัน ทำให้ตัดสินใจนำบุตรไปฝากเลี้ยงที่สถานรับเลี้ยงเด็กใกล้บ้าน ซึ่งระบุว่ามีระบบปลอดภัย แยกห้องเด็กเล็ก และติดตั้งกล้องวงจรปิดภายใน

ช่วงแรกตกลงค่าเลี้ยงเดือนละ 9,000 บาท ก่อนต่อรองเหลือ 7,000 บาท และจ่ายเป็นรายวัน วันละ 400 บาท โดยครอบครัวต้องเตรียมนมและผ้าอ้อมเอง กระทั่งต้นเดือนกันยายน เด็กถูกฝากเลี้ยงต่อเนื่องประมาณ 10 วัน แต่เมื่อครอบครัวมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย จำเป็นต้องขอพักจ่ายเงิน กลับถูกเจ้าของโทรข่มขู่ว่าจะ โพสต์ประจาน หากไม่รีบนำเงินมาชำระ

ต่อมา วันที่ 10 ตุลาคม ลูกชายป่วยจึงรับกลับมาดูแลจนหายดี ก่อนส่งคืนให้สถานรับเลี้ยงอีกครั้ง จนวันที่ 16 ตุลาคม พี่เลี้ยงโทรมาแจ้งให้มารับเด็กกลับ เพราะยังไม่จ่ายเงินส่วนที่ค้างไว้ ขณะนั้นครอบครัวกำลังพยายามหาเงิน

แต่เหตุสลดเกิดขึ้นในวันถัดมา วันที่ 17 ตุลาคม เวลา 09.00 น. พี่เลี้ยงโทรมาแจ้งว่าเด็กถูกนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตแล้ว เมื่อเดินทางไปถึงโรงพยาบาล แพทย์ระบุว่า เด็กเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลราว 3 ชั่วโมง ด้วยสาเหตุ หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน

ทั้งนี้ สิ่งที่ครอบครัวคาใจ คือ ไม่เคยได้รับแจ้งว่าลูกมีอาการผิดปกติในวันก่อนเกิดเหตุ ขณะเดียวกัน กล้องวงจรปิดของสถานรับเลี้ยงกลับอ้างว่า กล้องเสีย ไม่สามารถเปิดดูย้อนหลังได้ และตั้งแต่เกิดเรื่อง เจ้าของสถานรับเลี้ยงยังไม่มารับผิดชอบหรือแม้แต่ร่วมงานฌาปนกิจลูกตน

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด ระบุว่า ครอบครัวผู้เสียหายมีฐานะยากจน ต้องออกไปทำงานทุกวัน จึงต้องฝากลูกไว้กับสถานรับเลี้ยง แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิดเพียงไม่ถึงเดือนหลังเริ่มใช้บริการ นับว่าเป็นเรื่องสะเทือนใจ และควรเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

เบื้องต้น ได้ประสาน พ.ต.อ.มารุต สุดหนองบัว ผู้กำกับการ สน.พหลโยธิน ตรวจสอบคดี พร้อมเตรียมประสานกระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือด้านกฎหมาย เพื่อให้ครอบครัวได้รับความเป็นธรรมต่อไป