วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “ปราสาทตาควายยังเป็นของไทย” หลังมีกระแสกังวลของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือ แต่กองทัพกำลังหารือร่วมกันถึงแนวทางการปล่อยเชลยศึกชาวไทย 18 คน

พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ได้มีการแจ้งไปยังฝ่ายกัมพูชาแล้วว่า การใช้พื้นที่ ปราสาทตาควายเป็นฐานที่มั่นทางทหาร ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และผิดทั้ง อนุสัญญาเจนีวา ว่าด้วยการใช้โบราณสถานในภาวะสงคราม รวมถึง อนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยรอบโบราณสถาน พร้อมย้ำว่า เราไม่ยอมรับว่ากัมพูชายึดได้ หากยังไม่เคลียร์เรื่องปราสาทตาควายให้ชัด เรื่องอื่นก็ไม่ต้องคุยต่อ

เมื่อถูกถามถึงการนำ ประเด็นเชลยศึก มาใช้เป็นเครื่องต่อรอง พล.อ.ณัฐพลปฏิเสธ แต่ยืนยันว่า รัฐบาลไทยมีมาตรการอื่นอีกหลายทาง โดยเฉพาะเรื่อง การเปิดด่านชายแดน ที่จะไม่มีการพูดคุยใด ๆ ทั้งสิ้นจนกว่าฝ่ายกัมพูชาจะถอนกำลังออกจากพื้นที่ และคืนสถานะของปราสาทตาควายให้กลับสู่สภาพปกติ

ใครอยากเปิดด่านก็ไม่ต้องมาคุยกับผม เพราะชีวิตนี้ไม่คุยเรื่องเปิดด่านแน่นอน พล.อ.ณัฐพล กล่าวอย่างชัดเจน

ในส่วนของกระแสที่มีกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์เตรียมจัดกิจกรรม “ทวงคืนปราสาทตาควาย” พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เข้าใจเจตนาของผู้ที่รักชาติ แต่ขอให้เปิดโอกาสให้รัฐบาลและกองทัพได้ดำเนินการก่อน เพราะเป็นปัญหาที่สะสมมานาน ต้องแก้ไขอย่างรอบคอบ โดยเตือนว่าพื้นที่ดังกล่าวยังมี ทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่ลงพื้นที่

พร้อมขอความร่วมมือประชาชนว่า ขออย่าเพิ่งลงพื้นที่ เพราะห่วงความปลอดภัยของทุกคน

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้โฆษกรัฐบาลเคยระบุว่าไทย เสียปราสาทตาควายไปแล้ว พล.อ.ณัฐพลชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง โดยย้ำว่ากรณีนี้ แตกต่างจากภูมะเขือ เพราะฝ่ายไทยดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ฝั่งกัมพูชากระทำผิดอนุสัญญาเจนีวา และไทยจะดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อยืนยันสิทธิ์ในพื้นที่ของตน

สำหรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พล.อ.ณัฐพลระบุว่า ได้กำหนดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ก่อนใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือนในการสำรวจหลักหมุดชั่วคราว เพื่อเดินหน้ากระบวนการฟื้นฟูพื้นที่ชายแดนอย่างเต็มรูปแบบ

ชมคลิป