สนธิญา ร้อง ป.ป.ง. ตรวจสอบข้อเท็จจริง มูลนิธิ กัน จอมพลัง ช่วยสู้
ข่าวสังคม - โซเชียล

สนธิญา ร้อง ป.ป.ง. ตรวจสอบข้อเท็จจริง มูลนิธิ กัน จอมพลัง ช่วยสู้

สนธิญา ร้อง ปปง. ตรวจสอบ “มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ - โควต้าหวย 2 แสนฉบับ - มูลนิธิธรรมนัส ชี้ ประชาชน โอนเงินสนับสนุนให้โดยเข้าใจผิดมาตลอดว่า ”กัน จอมพลัง“ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับ ”มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้“ ส่วนกรณีขอรับบริจาคนำซื้อยุทธภัณฑ์ทหาร ถาม ได้มีการขออนุญาตราชการก่อนเรี่ยไรเงินหรือไม่ มีการแจ้งวัตถุประสงค์การนำเงินไปใช้หรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ ”มูลนิธิธรรมนัส“ หาก ”มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้“ ล้มเลิกไป มองเป็นพฤติการณ์ฉ้อฉลหรือไม่ แย้ม จันทร์ 10 พ.ย. เตรียมหอบหลักฐานแจ้งเบาะแส “บิ๊กเต่า” ช่วยตรวจสอบ ขอให้ทำตามมาตรฐานที่ตรวจสอบทั้งพระอลงกตและทนายตั้ม ลั่น เพราะบางคนชอบอ้างทำเพื่อประโยชน์สังคมประเทศชาติ แต่ผลประโยชน์เข้าตัวเองและพวกพ้อง

วันนี้ (31 ต.ค.) ที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นาย สนธิญา สวัสดี ในฐานะนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักร้องเรียน ได้เดินทางมาเข้ายื่นหนังสือถึงนาย เทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ  "มูลนิธิ กัน จอมพลัง ช่วยสู้" - ”โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล 200,000 ฉบับ“ และ ” มูลนิธิธรรมนัส“ โดยมีเจ้าหน้าที่ ปปง. ฝ่ายรับ-ส่งเรื่อง เป็นผู้แทนรับมอบเอกสาร

นายสนธิญา สวัสดี กล่าวว่า สำหรับมูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ พบว่ามีการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 5 ก.พ.68 แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา ประชาชนไม่รู้เลยว่า นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงสร้างของมูลนิธิ ทั้งการดำรงตำแหน่งเป็นประธาน หรือเป็นกรรมการใด เพราะเข้าใจว่านายกัณฐัศว์ มีความเกี่ยวข้องกับมูลนิธิฯ อย่างแน่นอน ทั้งการประชาสัมพันธ์ขอรับการสนับสนุนเงินเพื่อนำไปจัดซื้อยุทธภัณฑ์ต่าง ๆ การดำเนินการต่าง ๆ แต่พอผ่านไป จึงเพิ่งมายอมรับว่าไม่ได้มีตำแหน่งในมูลนิธิฯ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข้อที่ 39 ของมูลนิธิฯ ที่ระบุว่า หากมีการยกเลิกมูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ มรดกตกทอดและทรัพย์สินต่าง ๆ จะเป็นของมูลนิธิธรรมนัส ตนจึงประสงค์มาให้เบาะแสและขอให้ ปปง. ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และความผิดมูลฐานใดของ ปปง. หรือไม่ เพื่อชี้แจงความโปร่งใสของบรรดาเงินประชาชนที่แสดงความสุจริตสนับสนุนโอนเงินไป อีกทั้งขอให้ตรวจสอบข่าวกรณีที่นายกัณฐัศว์ ได้รับกรณีพิเศษหรืออย่างไร ที่ได้โควต้าล็อตเตอรี่ครั้งละ 200,000 ฉบับ จึงขอให้ ปปง. เชิญผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และประธานมูลนิธิธรรมนัส มาสอบถามเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงด้วย

"ตนมองกรณีของนายกัน จอมพลัง ที่ได้มีการนำเงินจากการประชาสัมพันธ์ไปใช้ หรือการขอเงินจากพี่น้องประชาชน เรื่องดังกล่าวจะต้องมีการขออนุญาตราชการก่อนหรือไม่  ได้มีการขออนุญาตก่อนเรี่ยไรเงินหรือไม่ เพราะมันเป็นการขอเรี่ยไรต่อเนื่อง รวมถึงได้มีการแจ้งวัตถุประสงค์หรือไม่ว่าจะนำเงินที่ขอรับการสนับสนุนไปใช้ทำอะไรบ้าง ย้ำว่าตนไม่ได้มาต่อว่า กัน จอมพลัง แต่บางคนก็ทำเพื่อสังคมเพื่อชาติโดยอ้างพี่น้องประชาชน แต่เงินก็ส่งเข้าตัวเองหรือส่งเข้าพรรคพวกของตนเอง เรื่องนี้จึงต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่เขาด้วย และแก่ประชาชนเจ้าของเงินด้วย รวมไปกรณีโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีข่าวว่านายกัน จอมพลัง ได้ไปถึงงวดละ 200,000 ฉบับ เรื่องนี้จริงหรือเท็จตนไม่ทราบ แต่ต้องถามกลับไปยัง ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่าคุณดำเนินการอย่างไร เพราะมีคนจน คนพิการหลายคนที่เขามาแจ้งควาทเดือดร้อนกับตนว่า เขาเดินทางไปยังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลของจังหวัดตัวเอง เพื่อรับสลากกินแบ่งเดือนละ 2,000 ชุด เขายังไม่ได้กันเลย แต่ถ้าสมมติว่านายกัน จอมพลัง ได้งวดละ 200,000 ชุด ตนถือว่าการดำเนินการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่สุจริตเที่ยงธรรม หรือไม่  นอกจากนี้ตนเคยได้รับเรื่องร้องทุกข์จากพี่น้องชาวจังหวัดเลย จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครราชสีมา เขาให้รายละเอียดว่า ปกติหากไปรับสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 เดือนจะได้ 4,000 ฉบับ ซึ่งหากขายได้ เขาจะได้เงินประมาณ 3,000-4,000 บาท แต่คราวนี้พอไม่ได้สลากกินแบ่งมา ตนก็ย้อนกลับไปถามว่า หากสมมุติว่านาย กัน จอมพลัง ได้สลากกินแบ่ง 200,000 ฉบับต่องวดจริง มันยุติธรรมหรือไม่ เรื่องนี้ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะต้องตอบคำถามให้ได้ และไม่ใช่แค่กรณีของนายกัน แต่ตนขอตรวจสอบคนที่ได้โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งหมดว่ามีใครเอาโควตาสลากกินแบ่งของคนพิการไปใช้หรือไม่ เพราะคนที่เอาโควตาไปใช้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนรวยอยู่แล้ว ขับรถ Ferrari บ้าง แต่คนที่ขายสลากกินแบ่ง คนธรรมดาทั่วไปต้องเดินทั้งวันกว่าจะได้เงิน 100-200 บาท ฉะนั้น คนที่รวยอยู่แล้วไปเอาสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งตรวจทราบว่าจะได้เรตราคาประมาณ 60-70 บาท แต่มาขาย 100 บาท และมีการเก็บหักหัวคิว 10 บาท ฉะนั้น ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งได้โควตา 200,000 ฉบับ  จะขายได้เงินถึง 4 ล้านบาท 1 ปี จะได้มากถึง 50 ล้านบาท แบบนี้มันยุติธรรมหรือไม่" นายสนธิญา กล่าว

นายสนธิญา กล่าวอีกว่า “เรื่องมูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ ตนใช้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ระบุว่า การดำเนินการเกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แล้วไปเอาประชาชนทั้งหมดเข้ามามีส่วนร่วม และจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ไม่ว่าในเรื่องของมูลนิธิ ก็จะถือเป็นคดีแผ่นดินอยู่แล้ว ดังนั้น หากเรื่องนี้มีการกระทำความผิด ก็เข้าข่ายฉ้อฉลบุคคล ซึ่งมีจำนวนเงินเยอะเข้ามาเกี่ยวข้อง” พร้อมระบุว่า "ในวันจันทร์ที่ 10 พ.ย.นี้ ตนจะไปยื่นเรื่องนี้ให้กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้คู่ขนานไปกับสำนักงาน ปปง. เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นกรณีของการตรวจสอบพระ อย่างพระอลงกต หรือกรณีของทนายตั้ม คนเหล่านี้ก็ล้วนทำเพื่อประชาชน สังคม และประเทศ ดังนั้น เมื่อมีกระบวนการที่ทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หน่วยงานก็ต้องดำเนินการตรวจสอบตามกฏหมายอย่างไม่ละเว้น ตนมองว่าในกรณีของนายกัน จอมพลัง หากมีการบอกกล่าวกับประชาชนตั้งแต่แรกว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นกรรมการบริหารหรือประธานมูลนิธิ หรือบอกให้ประชาชนทราบถึงข้อที่ 39 ของมูลนิธิฯ ว่าหากมูลนิธิฯ มีการยกเลิกจะต้องโอนมรดกทรัพย์สินให้กับมูลนิธิธรรมนัส ถามว่าหากประชาชนรู้ข้อมูลสองข้อนี้ เขาจะยังบริจาคเหมือนทุกวันนี้หรือไม่ ซึ่งตนมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้ มีความเข้าข่ายมูลฐานความผิดของกฎหมาย ปปง. ประมาณ 2 เรื่อง แต่ในเชิงรายละเอียดว่าเข้าข่ายอะไรบ้างนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ ปปง. ได้ไปตรวจสอบจากพยานหลักฐาน"  นายสนธิญา กล่าว

ทีมข่าวสยามนิวส์