ผจก.สาวสุดช้ำ! ถูกสามีสวมเขามีเมียน้อย ทำงานที่เดียวกัน หนำซ้ำยังเป็นพยานให้เมียน้อยฟ้องหมิ่นฯ แถมยังถูกข่มขู่จะเอาชีวิตลูกและเมีย หากถูกแฉ
ข่าวสังคม - โซเชียล

ผจก.สาวสุดช้ำ! ถูกสามีสวมเขามีเมียน้อย ทำงานที่เดียวกัน หนำซ้ำยังเป็นพยานให้เมียน้อยฟ้องหมิ่นฯ แถมยังถูกข่มขู่จะเอาชีวิตลูกและเมีย หากถูกแฉ

วันที่ 30 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานนายแม่ปุ๊กกี้ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.พัชราภรณ์ หลิวคง หรือ ปลายฟ้า อายุ 31 ปี ผู้จัดการภาคบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้เดินทางมาร้องเรียนกับ น.ส.ชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง หรือนายแม่ปุ๊กกี้ ว่าถูกสามีที่คบหาและแต่งงานกันมานานกว่า 4 ปี สวมเขามีเมียน้อยในที่ทำงานเดียวกัน หนำซ้ำยังคบกันแบบเปิดเผย ตนเองเก็บหลักฐานมานานเกือบ 2 ปี ก่อนขอเลิกรา แต่สามีกลับไม่ยอมเลิก ข่มขู่หากไม่ถอนฟ้องชู้จะไปเป็นพยานฝั่งเมียน้อยฟ้องกลับตนอีกด้วย นอกจากนี้ ยังข่มขู่ว่าจะไปทำร้ายลูกชาย วัย 9 ขวบ (ลูกติด) ของตนเองที่โรงเรียน และข่มขู่ว่าจะเอาชีวิตตนเองหากแฉเรื่องราวทั้งหมดให้สังคมรับรู้

น.ส.พัชราภรณ์ หรือ ปลายฟ้า ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนรู้จักกับสามี เนื่องจากเคยเรียนที่เดียวกัน ก่อนตกลงคบหา (คบหาตั้งแต่ปี 2564) และจดทะเบียนสมรสมานานกว่า 4 ปี เมื่อประมาณต้นปี 2567 ตนเริ่มระแคะระคายว่าสามีมีคนอื่น จึงพยายามติดตามเพื่อหาหลักฐานต่างๆ จนมาเจอแชทในอินสตราแกรม และรับรู้ว่าผู้หญิงจะเดินทางมาหาที่กรุงเทพและไปนัดเจอกันที่ไหน ซึ่งตนเคยขับรถตาม แต่ไม่ทัน เมื่อประมาณเดือน ส.ค. 2567 ตนเคยโทรไปพูดคุยกับผู้หญิง ซึ่งทางผู้หญิงบอกว่า ไม่รู้ว่าสามีจดทะเบียนสมรสแล้ว และบอกว่าสามีไปหลอกเขา บอกรักและจะย้ายไปอยู่สร้างครอบครัวด้วยกัน ตนจึงบอกให้สามีมาเลิกรากับตนก่อน เพื่อความถูกต้อง ตนคิดว่าผู้หญิงจะเลิกคุยแต่กลับไม่ใช่ มาจับได้อีกครั้งตอนสามีเข้าโรงพยาบาลและไม่ให้ตนไปเฝ้า ตนจึงขอเลิกและให้สามีออกไปจากชีวิต แต่เขาก็ไม่ยอม

นอกจากนี้ ตนได้ไปเห็นแชทพูดคุยเรื่องผลประโยชน์ในหน้าที่การงานหากเลิกรากับตน ตนเคยตามสามีไปถึงบางแสน หลังรู้ว่ามีการนัดไปเที่ยวกับฝั่งผู้หญิง สามีได้บอกกับตนว่า หลอกตนมาตลอด ที่ยังบอกรักเพราะกลัวว่าตนจะฟ้องร้องผู้หญิง ตนเสียใจมาก แต่คงไม่เท่ากับวันที่สามีไปเป็นพยานให้ฝั่งผู้หญิงในชั้นศาล ที่ตนฟ้องร้องชู้ และเบิกความเท็จพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง อ้างว่าไม่ได้กินอยู่ด้วยกันและคบหากันเฉพาะเรื่องธุรกิจ และรับไม่ได้ที่ตนมีลูกติด ตนมองว่า ไม่ใช่เพราะสามีรับรู้มาตั้งแต่คบกันแรกๆ ตั้งแต่ที่ตนเข้าไปอยู่บ้านสามีที่จ.สระบุรี และทำธุรกิจต้นไม้ด้วยกันในช่วงโควิด ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพ และชักชวนสามีมาทำงานร่วมกัน โดยตนพร้อมสนับสนุนสามีทุกอย่างเต็มที่

ตอนแรกตนเคยขอร้องให้สามีออกไปจากชีวิตเอง เคยถึงขนาดยกมือไหว้ขอร้องแต่สามีไม่ยอม เพราะห่วงในผลประโยชน์ของการทำงาน จนต้องให้ทนายฟ้องร้องแทน ซึ่งตอนนี้สามีก็ได้ฟ้องกลับตนมา 3 คดี คือ 1. สามีฟ้องหมิ่นประมาท 2. ผู้หญิงฟ้องหมิ่นประมาท และ 3. ฟ้องการสมรสเป็นโมฆะ (ฟ้องหย่า) ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนรอบตัวรับรู้ว่าตนรักสามีมาก ตนตั้งใจรักและสร้างครอบครัวด้วยกัน ตกใจที่สามีบอกว่าไม่ได้รักตน อยู่กับตนเพราะหน้าที่การงานและธุรกิจ แต่ก็รู้ว่าคนเรามันเลิกรักกันได้ ตนเคยขอร้องสามีว่าให้ผู้หญิงยอมรับความผิด และยินดีให้ตนดำเนินคดี พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย โดยที่จะไม่มีใครรับรู้เรื่องราว จากนั้นตนยินดีที่จะหย่าให้ทันที แต่สามีก็ไม่ยอม การที่วันนี้ตนต้องออกมาทำแบบนี้เพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเอง เพราะตนถูกข่มขู่จะเอาชีวิต อยากให้สามีออกมาพูดความจริง ขอโทษตนและยอมรับความผิดของตัวเอง พร้อมถอนฟ้องตน เคลียร์ปัญหาให้จบและแยกย้ายกันไป

น.ส.ชฎาภรณ์ หรือ นายแม่ปุ๊กกี้ กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากน้องผู้เสียหายที่ถูกสามีข่มขู่จะเอาชีวิต รวมถึงข่มขู่ว่าจะไปดักทำร้ายร่างกายลูกชายวัย 9 ขวบ ของผู้เสียหายที่โรงเรียน ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งวันนี้ตนได้ประสานไปยังท่านธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อทำเรื่องคุ้มครองพยาน เพราะผู้เสียหายอยู่กับลูกแค่ 2 คน เราไม่รู้ว่าฝั่งสามีจะทำจริงตามที่พูดหรือไม่ หากวันไหนบันดาลโทสะจะได้มีหลักฐาน และข้อต่อสู้ในทางกฎหมายได้ทันที

อย่างไรก็ตาม น้องผู้เสียหาย สามี และเมียน้อย ทั้ง 3 คน ทำงานในองค์กรที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งที่เดียวกัน แต่กลับไม่ได้รับความยุติธรรมในองค์กร มีการกล่าวหาว่าการที่น้องผู้เสียหายเปิดเผยข้อมูลทำให้องค์กรเสียหาย และสั่งให้ลบคลิปต่างๆ อยากให้พิจารณาว่าเรื่องนี้ต้นเหตุใครเป็นคนผิด และในเมื่อน้องผู้เสียหายเคยไปร้องเรียนกับองค์กรแล้วแต่ไม่เคยได้รับการเยียวยาวใดๆเลย จนต้องออกมาร้องขอความยุติธรรมในสังคมเพื่อรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง วันนี้ตนจะพาน้องผู้เสียหายไปร้องยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหากมีสิ่งไหนที่ทำได้ยินดีที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรี รายงาน