จากกรณีเพจต่างๆในโลกโซเชียล ได้โพสต์คลิปไลฟ์สดของ ก้อง ศรัณย์ หรือ นายก้องปวีพจน์ รัตสิมวงศ์ อายุ 36 ปี อดีตดาราละครทีวี ชาว ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี ที่มาเปิดร้านขายส้มตำที่ตลาดรถไฟอุดรธานี ถ.ทองใหญ่ ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ขณะมีตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี 2 นาย เข้ามาตักเตือนว่า อย่าเสียงดัง เพราะมีคนมาร้องเรียนว่าตี 3 ตี 4 แล้ว ก็ยังร้องเพลงเสียงดัง มันรบกวนชาวบ้าน แต่ทางพ่อค้าส้มตำ อ้างเหตุผลต่างๆนาๆ ก่อนที่ทั้งตำรวจ และก้อง ศรันย์ พ่อค้าส้มตำคนดัง ก็ต่างคนต่างแยกกันไป โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เหตุเกิดช่วง 03.00 น.วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 14 ต.ค.2568 ที่หอพักมีชื่อแห่งหนึ่งในชุมชนเบญจางค์ ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งที่พักของ ก้อง ศรันย์ พ่อค้าส้มตำ เพื่อขอสัมภาษณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยก้อง ศรันย์ เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุเวลาประมาณตี 2 กว่า และจะปิดเสียงปิดร้านตอนตี 3 กว่า และวันนั้นก็เหนื่อยมาก เพราะขายดี ตนก็ร้องเพลงใส่ไมค์ ไลฟ์สด แต่ไม่มีเสียงออกลำโพง
และเห็นรถตำรวจเปิดไฟวาบๆมา ตนก็รู้แล้วว่าเขาต้องมาที่ร้านตน ที่เปิดไฟสว่างไสว แต่ตำรวจก็เอาไฟฉายมาส่องหน้าตน เดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตร เข้าใจอยู่ว่าตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ทำเพื่อประชาชน และประชาชนก็ศรัทธา แต่ทำไมถึงมีท่าทาง และคำพูดแบบนี้กับประชาชน ซึ่งตนมีปัญหากับตำรวจท่านนี้มาหนักๆแบบนี้ 2 ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ตนกำลังไลฟ์สดพอดี จึงเกิดการแพร่คลิปภาพไปในโลกโซเชียล
ตอนนั้นเวลาเกือบตี 3 และตนก็ปิดเครื่องเสียงแล้ว เพราะรู้ว่าสมควรแก่เวลา และก็เป็นไปตามคลิป อยากเห็นเวลาตำรวจเข้ามาด้วยท่าทางเป็นมิตร และใช้วาจาที่สุภาพกว่านี้ โดยการยกมือขึ้นตะเบะ และบอกชื่อ ยศ และตำแหน่ง พร้อมกับบอกสาเหตุ หลังได้รับการแจ้งให้มาตรวจสอบที่ร้าน ให้หยุดใช้เสียงได้ไหมครับ ด้วยคำสุภาพอ่อนหวาน ตนก็จะไม่เถียงและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะจะทำให้ตนใจอ่อน เนื่องจากตนเป็นเพศ LGBTQ แต่ก็ยังมีความเป็นผู้ชายอยู่ แต่ก็ยอมทำตามรับทราบทุกอย่าง
แต่เขาก็ยังมาบอกให้ตนปิดไฟปิดทุกอย่าง หรือปิดร้านไม่ให้ขายส้มตำในขณะนั้น ทำให้ตนวีนแตก เพราะความโมโห และเหนื่อย ตนไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงทำกับพ่อค้าส้มตำอย่างตนแบบนี้ ตนทำผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ตนเป็นนักโทษเหรอ ถึงออกคำสั่งด้วยท่าทางแบบนี้ ทำให้ตนอารมณ์ขึ้น เพราะตำรวจพูดคำว่า ตนแหกปากทำไม แต่ก็ไม่ได้เหมาตำรวจทุกนายทั่วประเทศนะ เพราะตำรวจมีทั้งดี ไม่ดี ปะปนกันไปในสังคม
เช่นเดียวกันกับประชาชนทั่วไปที่ มีทั้งดี และไม่ดี รวมทั้งตนก็ไม่ได้ดี 100 % แต่ก็ไม่ได้ว่าตนไม่ผิด ตนก็มีส่วนผิดพลาดต่อเหตุการณ์ครั้งนี้เช่นเดียวกัน เพราะตนเปิดลำโพงร้องเพลง ไลฟ์สดขายส้มตำ แต่ก็ทำแบบนี้มาแทบทุกวัน มันเหมือนกับมีคนแกล้งตน พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดหมั่นไส้ตนหรือเปล่า ที่เรามีกระแสขายดิบขายดีในช่วงนี้หรือไม่
ก้อง ศรันย์ กล่าวต่อไปว่า ขณะที่ตนไลฟ์สดขายส้มตำ และตำรวจก็ยังอยู่ มีคนเข้ามาดู 5-6 พันคน และมีคนใจบุญคือ นารา เคปกระเทย ที่กำลังโด่งดังในโซเชียล โอนเงินมาเหมาส้มตำที่ร้านตน แจกให้คนกินในงบ 5,000 บาท ต้องขอขอบคุณมากๆ เพราะเขาใช้คำว่าลูกสาวกับคุณแม่ ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เพิ่งรู้จักกันในคืนที่เกิดเหตุ แล้วเขาก็เข้ามาชม มาคอมเม้นท์ และโอนเงินมาเหมาส้มตำแจกคน แต่ตนเหนื่อยหน่ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอให้เป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหม
แต่พลังโซเชียลไม่ยอม สักพักก็มีคนแห่มาเต็มร้าน รอรับส้มตำที่ นารา เคปกระเทย โอนเงินมาเหมา เพราะเขารู้นิสัยสันดานของก้อง ศรันย์ อยู่แล้ว และตำส้มทะเลแจกน้องๆลูกค้าไปจำนวน 60 ครก แถมแคบหมู ข้าวเหนียว ไก่ทอด หมูยอ เพิ่มให้อีกด้วย และคาดว่ายอดที่แจกไปมันจะเกิน 5 พันบาทหรือไม่
สุดท้ายนี้ต้องขอโทษตำรวจ 2 นาย ที่ปะทะคารมกันกับตน คราวหน้าหากมาแบบสุภาพ และเป็นมิตร ตนก็จะตำส้มตำเลี้ยงให้อิ่มเลย หากตนทำผิดก็จับดำเนินคดีเลย หรือเป็นตำรวจผลัดอื่นก็แล้วแต่ มากินส้มตำที่ร้านตนฟรีได้เลย เพราะตนก็ชอบผู้ชายในเครื่องแบบอยู่ด้วย ถามว่าจะให้ตนงดเปิดเครื่องเสียง ไลฟ์สด ตนบอกเลยว่างดเปิดเพลงร้องไม่ได้ เพราะใจเป็นศิลปินนักร้องอยู่ แต่ก็จะสัญญาว่าจะเบาเสียงลง ไม่ให้รบกวนคนอื่น ก่อนจะโชว์ลูกคอเพลงที่ร้องไลฟ์สดขายก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา คือเพลง บังเอิญมันได้อ่ะ ของ แอน อรดี
จากนั้น พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ที่ สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งได้เปิดเผยในเรื่องดังกล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา ว่าได้ว่ากล่าวตักเตือนและอบรมกิริยาและคำพูด เวลาที่ออกเหตุพบปะกับประชาชน และได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบแล้ว หลังจากมีกระแสแรงในโซเซียล เป็นการออกตรวจป้องกันเหตุ และดูแลความสงบเรียบร้อยตามปกติ เพราะได้รับแจ้งเหตุ ว่ามีการเปิดเพลงเสียงดังในตลาดรถไฟ ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับการร้องเรียนอยู่บ่อยครั้ง และมีกลุ่มวัยรุ่นชอบไปรวมตัวกันเป็นประจำ
ส่วนร้านส้มตำดังกล่าว ทางเราก็เคยไปตักเตือนมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ก็ยังเปิดเพลงเสียงดังอยู่ เป็นการเปิดเพลง ไลฟ์สด เสียงดังรบกวน เพราะอยู่ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพอุดรธานี ที่มีผู้ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ด้วย ทีแรกทางเราก็เข้าไปว่ากล่าวตักเตือนด้วยความสุภาพ หลังเกิดเหตุขึ้น ตนก็ได้บอกร้อยเวร 20 ทั้ง 4 ผลัด หากมีเหตุการณ์เช่นนี้อีก ก็ให้ใช้หรือแนะนำกิริยาและวาจาที่สุภาพ ให้เขางดใช้เครื่องขยายเสียง โดยเฉพาะหลังเที่ยงคืน สถานบริการต่างๆจะปิด และเงียบ หากมีการเปิดเครื่องขยายเสียง มันก็ทำให้มีเสียงดังรบกวนคนอื่น แต่มันไม่ใช่ความผิดร้ายแรงมาก หากมีอีกหรือมีการต่อต้าน ทางเราก็จะแน่ะนำด้วยเหตุผลของระเบียบกฎหมายต่อไป
เรียบเรียงโดย สยามนิวส์