วันที่ 8 ตุลาคม 2568 พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ปคบ. สั่งการให้ พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ. สนธิกำลังร่วมกับ ทพ.กันตพงศ์ ดีชัยยะ กรรมการทันตแพทยสภา เข้าตรวจสอบคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่งย่านสาทร กรุงเทพฯ หลังได้รับรายงานว่ามีบุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรมเข้ามาให้บริการประชาชน
จากการตรวจสอบพบ น.ส.เอ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี กำลังปฏิบัติการขูดหินปูนให้ผู้ใช้บริการ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเธอไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม ผู้ต้องหารับสารภาพว่า จบการศึกษาจากคณะทันตแพทยศาสตร์ภายในประเทศ แต่ยังไม่ได้สอบขึ้นทะเบียน จึงปลอมแปลงใบอนุญาตของทันตแพทย์รายอื่นมาใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนสมัครเข้าทำงานในคลินิกต่าง ๆ และให้บริการรักษาคนไข้มานานกว่า 2 ปี
ตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยถูกจับกุมในข้อหาประกอบวิชาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อเดือน ส.ค. 2567 แต่กลับมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง จึงถือเป็นลักษณะของ หมอฟันเถื่อน ที่อาจก่ออันตรายต่อผู้รับบริการ เช่น การติดเชื้อหรือผลการรักษาผิดพลาด
เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดีในข้อหา ประกอบวิชาชีพทันตกรรมโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพทันตกรรม ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนผู้ประกอบการคลินิกดังกล่าว ถูกดำเนินคดีข้อหา ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลไม่ควบคุมดูแล ปล่อยให้บุคคลที่มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพมาทำการรักษา มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ต.คงกฤชกล่าวว่า การสวมรอยเป็นบุคลากรทางการแพทย์ถือเป็นการกระทำร้ายแรงและไม่รับผิดชอบต่อสังคม เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย ทั้งการติดเชื้อ การรักษาผิดพลาด หรือถึงขั้นพิการถาวร พร้อมขอเตือนประชาชนให้ตรวจสอบชื่อทันตแพทย์และใบอนุญาตของคลินิกทุกครั้งก่อนเข้ารับบริการ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ของทันตแพทยสภา เพื่อความปลอดภัยของตนเอง