จากกรณี เด็กชายวัย 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.1 ลืมเอาเงินไปโรงเรียน หยิบขนมบนโต๊ะครูกิน โดนครูคว้าฟุตเหล็กฟาดหน้าจนขอบตาช้ำและแก้มบวมแดง เหตุเกิดที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.ลำปาง สภาพรอยช้ำตามใบหน้า คาง ข้างใบหู ของเด็กชายวัย 7 ขวบ ชั้น ป.1 ยังชัดเจน แม้ว่าเหตุการณืดังกล่าวจะผ่านไป 3 วันแล้ว แต่เด็กชายวัย 7 ขวบ ก็ยังกลัว บางครั้งนั่งเหม่อ โดยเด็กชายวัย 7 ขวบ ได้บอกกับผู้สื่อข่าวที่ถามว่า วันนั้นไปทำอะไรผิด ขนาดที่ครูต้องลงโทษ เด็กชายวัย 7 ขวบ เล่าว่า วันนั้นที่ไป รร.แม่ไม่ได้ให้เงินไป เมื่อไปในห้องเห็นขนมมาร์ชเมลโล่ วางอยู่บนโต๊ะครูหลายอัน จึงอยากกิน จึงไปหยิบมากิน 1 อัน พอตอนเที่ยงครูก็เรียกไปแล้วก็ลงโทษบอกว่า ขโมยขนมครู ครูจึงใช้ไม้บรรทัดเหล็กตี ที่หน้าทั้ง 2 ข้าง 14 ครั้ง ตบปาก 10 ครั้ง หยิกคอ และให้ไปล้างห้องน้ำ
นางดา (นามสมุมติ) อายุ 48 ปี แม่เด็กชายวัย 7 ขวบ อาชีพรับจ้าง บอกว่าวันนั้น ตอนเย็นครูเอ (นามสมมุติ) ได้โทรมาบอกตนว่า ลูกขโมยขนมครูไปกิน ไม่ได้บอกว่าทำโทษลูก จนกระทั่งเลิกเรียน อาไปรับลูกกลับมาส่งที่บ้าน และตนกลับมาจากทำงาน เห็นลูกนั่งเหม่ออยู่หน้าบ้าน และเห็นรอยช้ำที่ใบหน้าของลูก เมื่อถามลูกบอกว่าครูตี เพราะไปเอาขนมบนโต๊ะครูมากิน ได้ฟังลูกบอกแล้วตนเองจุกอกมาก เพราะวันนั้นไม่ใช่ว่าลืมไม่ให้เงินลูกไปซื้อขนมกิน แต่ตนเองไม่มีเงินที่จะให้ลูกไปโรงเรียนจริงๆ ก็ต้องโทษตัวเอง และสงสารลูกมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน แต่ผู้ใหญ่ไม่อยู่ ยอมรับว่ารับไม่ได้ ที่ครูทำรุนแรงกับลูกขนาดนี้ ทั้งๆที่เด็กยังเล็ก และก็ไม่รู้ว่าเหล็กที่ฟาดไปนั้นจะกระทบอะไรกับตัวลูกหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ ลูกผวาบอกว่าไม่อยากไป รร.เพราะกลัวครูตี อยากบอกทาง รร.ว่าขอให้ย้ายครูคนนี้ไปอิยู่ที่อื่น ไม่ควรให้อยู่กับเด็ก
ทางด้าน นายรัตน์ อุหม่อง กำนัน ต.นาสัก นายณรงค์เดช วงศ์อ้าย ผู้ใหญ่บ้านข่วงม่วง และ นายสุรพร จันทร์ทบ สารวัตรกำนันตำบลนาสัก ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อเช้านี้ นายสุรพร จันทร์ทบ สารวัตรกำนันตำบลนาสัก เห็นเด็กชายวัย 7 ขวบ ไม่ไปโรงเรียน และพบว่าใบหน้าที่แก้มมีรอยแดงช้ำและขอบตายังเลือนๆ จึงสงสัยตอนแรกคิดว่าถูกแม่ทำร้าย จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ และผู้ใหญ่บ้านไปสอบถามน้อง จนทราบว่าถูกครูประจำชั้น ตีด้วยฟุตเหล็ก ตนจึงเห็นว่าการกระทำของครูเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เป็นการทำร้ายเด็กรุนแรง จึงให้แม่พลูกไปตรวจร่างกายและให้เข้าแจ้งความ พร้อมแจ้งกำนันให้สอบถามทางโรงเรียนเพราะมีการประชุมที่โรงเรียนอยู่แล้วในวันนี้
ต่อมาครูเอ คนก่อเหตุ ได้โทรมาหากำนัน เพื่อขอโทษและขอไม่ให้เอาเรื่อง ซึ่งในเรื่องนี้ตนบอกว่า เรื่องเกิดมา 3 วันแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมารู้สึกผิดวันนี้ หากไม่มีใครรู้ก็คงเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหากปล่อยไว้เด้กคนอื่นก็อาจจะถูกทำร้ายร่างกายแบบรุนแรงในลักษณะนี้อีก ซึ่งผลการตรวจร่างกายของแพทย์ก็ระบุว่ารอยช้ำที่แก้มซ้ายของน้องพ๊อตเกิดจากโดนวัตถุทรงแท่งไม่มีคมตี ซึ่งตนเองกำลังปรึกษาผู้ปกครองเพื่อเอาผิดครูคนนี้ที่กระทำการรุนแรงเกินกว่าเหตุต่อเด็กซึ่งเป็นลูกศิษย์ และ อายุเพียง 7 ปี นอกจากนี้ครูในโรงเรียนยังให้ข้อมูลว่าครูคนดังกล่าวที่ผ่านมายังมีพฤติกรรมลงโทษเด็กด้วยการขังไว้ในห้อง และมีพฤติกรรมแปลก เก็บตัวและไม่ชอบสุงสิงกับใคร
ซึ่งทางด้านผู้ใหญ่บ้านบอกอีกว่า เย็นวันนี้ที่แม่พาน้องไปแจ้งความ แม่ได้โทรกลับมาหาตนเองว่า ตำรวจจะไม่รับ อ้างว่ากลัวลูกจะมีประวัติคดีลักทรัพย์ ตนเองจึงได้โทรศัพท์ไปหาตำรวจแล้วแย้งว่ามันคนละประเด็น แม่พาลูกไปแจ้งความ เพราะลูกถูกครูทำร้ายร่างกาย หากการที่เด็กไปหยิบขนมบนโต๊ะครูมากิน แล้วครูเห็นว่าร้ายแรงจนถึงขั้นจะแจ้งข้อหาลักทรัพย์กับเด็กมันคนละเรื่อง จนตำรวจรับแจ้งความในที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ตนเอง และกำนัน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการสถานศึกษา รร.แห่งนี้ จะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพราะรับพฤติกรรมของครูรายนี้ไม่ได้เช่นเดียวกัน