วันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2025 นายแฮง รัตนา ผู้อำนวยการสำนักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (CMAA) เปิดเผยผ่านโพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า กรณีทหารสยามยิงปืนครกเข้ามายังดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา รวมทั้งกองกำลังของกัมพูชา เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2025 เป็นการยิงฝ่ายเดียวอย่างชัดเจน และไม่อาจโต้แย้งได้ เนื่องจากกองกำลังกัมพูชาได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำอย่างเคร่งครัด อดทน และไม่ได้ยิงตอบโต้กลับแม้แต่นัดเดียว

นายแฮง รัตนา ยังเปรียบเทียบเหตุการณ์ดังกล่าวกับกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ที่บ้าน Phlouk Damrei ตำบล Thmor Da อำเภอ Veal Veaeng จังหวัดโพธิสัตว์ โดยระบุว่าเหตุการณ์ในวันนั้นก็มีลักษณะเดียวกัน คือทหารสยามยิงปืนครกเข้ามาเพียงฝ่ายเดียว มีเจตนาขยายแนวสมรภูมิ

ในโพสต์ดังกล่าว ยังกล่าวอ้างสมเด็จเตโชที่แนะนำไว้ว่า การเก็บรักษาหลักฐานจากร่องระเบิดนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยหน่วย CMAC ร่วมกับกองทัพกัมพูชาลงพื้นที่ตรวจสอบร่องระเบิดในตำบล Thmor Da พบว่ามีร่องระเบิดจากปืนครกขนาด 105 มม. จำนวน 6 จุด ที่ระเบิดทั้งหมดจากจำนวน 21 นัดที่ยิงเข้ามา จากการวิเคราะห์ซากกระสุน 105 มม. พบว่ามี 4 นัดเป็นกระสุนที่บรรจุสารเคมีฟอสฟอรัสขาว (WP) และอีก 2 นัดเป็นกระสุนระเบิดสังหารบุคคล

ทั้งนี้ การวิเคราะห์ซากกระสุนระบุได้ชัดเจนว่ากระสุนดังกล่าวผลิตจากประเทศใด และใครเป็นผู้ใช้อาวุธนั้น จังหวัดโพธิสัตว์ยืนยันว่าหลักฐานทั้งหมดชี้ชัดว่าไทยเป็นฝ่ายยิงเข้ามาในดินแดนกัมพูชา ขณะที่กองกำลังกัมพูชาไม่ได้ใช้อาวุธตอบโต้แม้แต่นัดเดียว

ดังนั้น นายแฮง รัตนา ระบุว่าเหตุการณ์ปืนครกในวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2025 ก็เช่นเดียวกัน คือฝ่ายสยามเป็นผู้ยิงก่อน เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้ใช้อาวุธใดๆ เลย