ชาวบ้านลุกฮือ ร้องถามใครสั่ง ซากเหล็กโบราณถูกขุดทำลาย จากฝังทรายอยู่คู่ชายหาดสมุยนับร้อยปี
ข่าวสังคม - โซเชียล

ชาวบ้านลุกฮือ ร้องถามใครสั่ง ซากเหล็กโบราณถูกขุดทำลาย จากฝังทรายอยู่คู่ชายหาดสมุยนับร้อยปี

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา บริเวณชายหาดสาธารณะบ้านใต้ ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุดปฏิบัติการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 พื้นที่เกาะสมุย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะสมุยและสมาชิกสภาเทศบาลนครเกาะสมุย ได้ลงพื้นที่พบกับชาวบ้านกว่า 30 คนที่รวมตัวกันเรียกร้องให้ตรวจสอบและหาผู้รับผิดชอบกรณีมีเอกชนนำรถแบ็กโฮเข้าขุดซากเหล็กโบราณจากชายหาดขึ้นมาโดยไม่ได้รับอนุญาต

ซากเหล็กดังกล่าวถูกขุดขึ้นจากบริเวณชายหาด ซึ่งเดิมถูกฝังอยู่ในทรายริมทะเลมานานหลายสิบปี ลักษณะเป็นทรงกรวย ขนาดฐานกว้างประมาณ 3 เมตร ความหนาของเหล็กประมาณ 2 เซนติเมตร อยู่ในสภาพผุกร่อนจากการกัดเซาะของน้ำทะเล ปัจจุบันถูกนำไปวางไว้บนแนวหินกันคลื่น ใกล้กับจุดที่ขุดพบ โดยยังมีเศษเหล็กชิ้นอื่น ๆ กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า ซากเหล็กชิ้นนี้เคยเป็นแลนด์มาร์กของชุมชนบ้านใต้ เป็นจุดที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวแวะมาชมและถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกจำนวนมาก บางรายตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจเป็นซากเรือรบเก่าจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 หรืออาจเป็นชิ้นส่วนของเสาเรือหรือปล่องหม้อต้มไอน้ำของเรือกลไฟโบราณ

นางสุชา ชาวบ้านชุมชนบ้านใต้ กล่าวว่า การนำรถแบ็กโฮเข้ามาขุดซากเหล็กจากชายหาดโดยไม่แจ้งหรือสอบถามความคิดเห็นจากชาวบ้านก่อน เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นสาธารณะและอยู่ในทะเล ไม่ใช่ที่ดินของเอกชนผู้ดำเนินการ

นายณะรบ ทวยเจริญ กรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ผู้ที่ดำเนินการขุดอาจไม่เข้าใจข้อกฎหมาย และไม่ได้แจ้งหรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซากเหล็กชิ้นนี้อยู่คู่ชายหาดบ้านใต้มานานหลายช่วงอายุคน แม้ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเป็นอะไร แต่คนในชุมชนเห็นกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย

ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งทางน้ำเกาะสมุย ชี้แจงต่อชาวบ้านว่า ซากเหล็กดังกล่าวไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางโบราณคดี จึงยังไม่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย เช่น การขุดลอกในทะเลโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้

ขณะเดียวกัน ชุดปฏิบัติการ กอ.รมน.ภาค 4 พื้นที่เกาะสมุย ได้ดำเนินการประสานงานไปยังกองโบราณคดีใต้น้ำ กรมศิลปากร เพื่อขอให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบซากเหล็กดังกล่าวอย่างละเอียด โดยเบื้องต้นคาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ช่วงสมัยรัชกาลที่ 5-6 (พ.ศ. 2440-2460) ซึ่งเป็นยุคที่เรือกลไฟเริ่มถูกใช้แพร่หลายในราชการและการค้าทางทะเล