วันนี้ (23 ก.ย. 68) นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน เปิดเผยว่า แม้เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จะมีปริมาณน้ำสูงถึงร้อยละ 80 ของความจุ แต่ทั้งสองเขื่อนยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับปริมาณน้ำจากพายุ รากาซา ที่คาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ โดยยืนยันว่าสถานการณ์น้ำในปีนี้แตกต่างจากปี 2554 อย่างแน่นอน เนื่องจากปริมาณน้ำโดยรวมน้อยกว่ามาก
นายธเนศร์กล่าวว่า จากการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการตัดสินใจลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ลงอย่างละครึ่ง เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนและลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้ปริมาณน้ำที่สถานีนครสวรรค์เริ่มทรงตัวแล้ว โดยจะคงอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไว้ที่ 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม จะมีพื้นที่เดิมบางส่วนที่ได้รับผลกระทบ เช่น คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง และคลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังต้องจับตาสถานการณ์ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง รวมถึงช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงในปลายเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในบางพื้นที่ได้ แต่ทางกรมชลประทานจะพยายามปรับลดการระบายน้ำเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้