จากคุณนายกลายเป็นยาจก สาวร้องทนายดัง ชีวิตพังเพราะโดนลูกน้องหลอก แถมยังต้องติดคุก
ข่าวสังคม - โซเชียล

จากคุณนายกลายเป็นยาจก สาวร้องทนายดัง ชีวิตพังเพราะโดนลูกน้องหลอก แถมยังต้องติดคุก

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 68 ที่สำนักงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี น.ส.พรรณทิพา หรือ ปุ้ม อายุ 38 ปี พร้อมพี่สาว นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ นางชฎาภรณ์ พงศ์ทอง ที่ปรึกษามูลนิธิฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือในด้านคดี หลังสามีถูกยิงเสียชีวิต แล้วตนเองถูกลูกน้องหลอก เสียทั้งเงินเสียทั้งตัว สูญเงินไปเป็นจำนวนหลายล้านบาท อีกทั้งบริษัทที่เคยมีเงินอยู่ 70 กว่าล้านบาท ก็มาเป็นหนี้จากการกระทำของอดีตลูกน้องรายนี้ จนตนเองต้องเซ็นเช็ค และหาเงินไม่ทัน ถูกฟ้องดำเนินคดีติดคุก 2 ปี หลังจากออกมาจากเรือนจำแล้ว ก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต้องกินยารักษา เคยคิดสั้นมาแล้ว 3 ครั้ง แต่พี่สาวและลูกๆ ช่วยไว้ ทุกวันนี้ตนรู้สึกหดหู่ใจ เครียดมากเพราะไม่มีทางออกจริงๆ

น.ส.พรรณทิพา เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนอยู่กินกับนายเอ (นามสมมุติ) เสี่ยนักธุรกิจเจ้าของบริษัทก่อสร้าง โดยต่างฝ่ายต่างมีลูกติดกันมา จนกระทั่ง มีเพื่อนของสามีได้แนะนำ นายธนัท หรือ อ๊อก อายุ 48 ปี โดยบอกว่า เป็นวิศวกรก่อสร้างจบมาจากสถาบันชื่อดัง และฝากมาทำงานกับบริษัทฯ ของสามี โดยมีเงินเดือนๆ ละ 45,000 บาท ต่อมา สามีตนเองถูกเพื่อนสนิทยิงเสียชีวิตในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี แล้วมือปืนที่ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวสาเหตุมาจากความหึงหวง โดยตนเองทราบมาว่า ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันแบบชายรักชาย

ตอนนั้น ตนรู้สึกเคว้งคว้างไปทางไหนไม่ถูก จนกระทั่งนายอ๊อก เข้ามาปลอบใจ ให้กำลังใจ และบอกกับตนเองว่าจะช่วยดูแลกิจการของบริษัทและจะเติบโตไปด้วยกัน ทำให้ตนเองหลงเชื่อและไว้ใจจนเกิดเป็นความรัก มีความสัมพันธ์กัน นายอ๊อกได้ขอร้องให้ตนเองไปแก้กิ๊ฟที่ทำหมันไว้ เพื่อมีลูกด้วยกัน จนกระทั่งได้ลูกสาว 1 คน ซึ่งปัจจุบันอายุ 5 ขวบ และตนมาทราบภายหลังว่า นายอ๊อกไม่มีความรู้ในด้านวิศวกรก่อสร้างเลย และไม่ได้จบจากสถาบันชื่อดังจริงตามที่แอบอ้าง แต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้แล้ว เพราะนายอ๊อกได้มาหลอกให้ตนเองโอนเงินค่าวัสดุก่อสร้าง เข้าบัญชีเขาเป็นเงินหลายล้านบาทและไม่นำไปชำระกับบริษัทที่สั่งสินค้าวัสดุก่อสร้าง ทำให้บริษัทสามีตนเองขาดสภาพการเงินที่คล่องตัว และตนเองได้เซ็นเช็คทำประกันออกไป 25 ใบ เพื่อสั่งจ่ายหนี้จนถูกบริษัทฟ้องร้อง เพราะไม่มีเงินในบัญชี ต้องติดคุกในคดีเช็ค 2 ปี

ส่วนนายอ๊อก เอาเงินที่หลอกลวงจากตนเองไปเล่นการพนัน ปั่นสล็อตจนหมด มา ทราบตอนนี้ว่าขับแท็กซี่เลี้ยงตัวไปวันๆ ตนเคยคิดสั้นฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็มีเพื่อนบ้านและคนในครอบครัวช่วยเหลือ ตนคิดมากจนล้มป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หลังออกจากเรือนจำและพักรักษาตัวที่อยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา จนกระทั่งอาการดีขึ้น จึงได้ออกมาพักฟื้นที่บ้าน และดำรงชีพด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนๆ ละ 12,000 บาท ทุกวันนี้ตนล้มเลิกและไม่คิดจะจบชีวิตตัวเองแล้ว จะขอต่อสู้เพื่อลูกและคนในครอบครัว แม้ว่าเงินที่ได้จะน้อยนิด เทียบกับสมัยที่เป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างกับสามี ซึ่งตอนนั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีไม่มีความลำบาก เหมือนขณะนี้เลย

ทางด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ฟังเรื่องราวของผู้เสียหายแล้วตนรู้สึกเศร้าใจและสลดหดหู่ เบื้องต้นขอดูเอกสารรายละเอียดต่างๆ ถ้าสามารถช่วยเหลือในด้านใดได้ก็จะช่วยและพาไปกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นทราบว่ามีการแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอ๊อก วิศวกรกำมะลอ ที่มาหลอกผู้เสียหายจนเสียทั้งเงินเสียทั้งตัว เคสนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมาก ก็อยากให้นายอ๊อกมาชี้แจงว่าผู้เสียหายพูดเป็นเรื่องจริงเท็จแค่ไหน ส่วนจะตามเอาเงินคืนนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากนายอ๊อกเองก็ยังต้องขับแท็กซี่หาเลี้ยงชีพไปวันๆ คงไม่มีปัญญาเอาเงินที่โกงไปกลับมาคืนให้กับผู้เสียหายได้

ผู้สื่อข่าวนนทบุรี ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน