เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา มีรายงานว่า ได้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว หลังได้รับแจ้งว่า ทหารกัมพูชาได้เกณฑ์ชาวบ้าน รวมถึงผู้พิการ เข้ามารื้อแนวรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย ซึ่งติดตั้งไว้เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าออกพื้นที่ชายแดน

จากการตรวจสอบพบว่า นอกจากกลุ่มชาวบ้านจะร่วมกันรื้อแนวรั้วลวดหนามบางส่วนแล้ว ยังมีรายงานว่า มีการขโมยลวดหนามบางม้วนกลับไปไว้ใกล้บ้านตนเอง โดยคาดว่าอาจมีเจตนาเพื่อจำหน่ายหรือใช้ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจไทยในพื้นที่ต้องปฏิบัติงานภายใต้ความตึงเครียด เนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีการใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์เพื่อกดดันการป้องกันชายแดน

สถานการณ์ยืดเยื้อต่อเนื่องจนถึงเวลาประมาณ 22.40 น. พันเอก ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับการกองกำลังเฉพาะกิจที่ 12 (ผบ.ฉก.12) กองกำลังบูรพา ได้เดินทางเข้าพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ และร่วมเจรจากับฝ่ายกัมพูชา โดยมีล่ามช่วยแปลภาษาในการเจรจา พันเอกชัยณรงค์ยืนยันต่อฝ่ายกัมพูชาว่า แนวรั้วลวดหนามดังกล่าวเป็นแนวเดิมที่ไทยติดตั้งไว้อยู่แล้ว ไม่มีการรุกล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชาและฝ่ายกัมพูชาเองก็ไม่สามารถนำหลักฐานใดมายืนยันข้อกล่าวหาที่ว่าไทยบุกรุกได้

เมื่อไม่สามารถพิสูจน์ข้อกล่าวหาได้อย่างเป็นรูปธรรมและการเจรจาเป็นไปด้วยเหตุผล กลุ่มทหารกัมพูชาและชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์เข้ามา จึงยอมถอนกำลังและสลายตัวกลับออกจากพื้นที่โดยสงบ สถานการณ์จึงคลี่คลายลงโดยไม่มีเหตุรุนแรงหรือการปะทะ

เฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์ข้อความชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า

กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ชาวกัมพูชารื้อลวดหนามบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยืนยันอยู่ในเขตอธิปไตยไทยชัดเจนและการกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

ทั้งนี้ กองทัพบก ได้รับรายงานเมื่อเวลา 14.30 น. ของวันที่ 16 กันยายน 2568 จากกองกำลังบูรพาว่าเกิดเหตุชาวบ้านกัมพูชาไม่พอใจและร่วมกันรื้อลวดหนามบางส่วน โดยอ้างว่าทหารไทยกำลังล้อมแนวรั้วเพิ่มเติมจากแนวเดิม ซึ่งมีทหารกัมพูชาอยู่ในพื้นที่ด้วย

กองกำลังบูรพาจึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบและประสานไปยังหน่วยทหารกัมพูชาที่ควบคุมพื้นที่ เพื่อให้เข้าชี้แจงและยุติการกระทำของชาวบ้าน จนสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แนวลวดหนามที่ติดตั้งอยู่ในจุดดังกล่าว อยู่ภายในเขตอธิปไตยไทยอย่างชัดเจนและแม้สถานการณ์จะคลี่คลายแล้ว แต่การกระทำของฝ่ายกัมพูชาก็ถือว่าเข้าข่าย ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

โดยเฉพาะการใช้ประชาชนเป็นผู้กดดันแนวชายแดน ขณะที่ทหารกัมพูชา ไม่ได้ห้ามปรามหรือควบคุมสถานการณ์ อีกทั้งยังมีความพยายาม สร้างกระแสบิดเบือนข้อมูล ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่พิพาท ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงแล้ว เป็นพื้นที่ในเขตอธิปไตยของไทย

ฝ่ายไทยจะรวบรวมหลักฐานเพื่อประท้วงผ่านช่องทางทางการและกลไกสากลต่อไป