วันที่ 16 ก.ย.68 นายสุทัศน์ชัย อดีตข้าราชการครู อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 11 ต.พุทไธสง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ เดินทางมาพบ พ.ต.ท.ไชยา สระโสม รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมือง บุรีรัมย์ เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดี กับอดีต นาย ก.(นามสมมุติ) ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในนาโพธิ์ พร้อมพวกรวม 3 คน ฐาน ปลอมและใช้เอกสารราชการอันเป็นเท็จ เบิกความเท็จต่อศาลและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
โดยนายทุทัศน์ชัย เล่าว่าตนเองรับราชการเป็นครู สอนอยู่ในหลายพื้นที่ในจังหวัดบุรีรัมย์ และเมื่อปี 2551 ตนสอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ โดยมี นายก. (นามสมมุติ) ผอ.โรงเรียน ท่านหนึ่ง
จู่ๆ ผอ.โรงเรียนเรียกตนไปพบอ้างว่ามีหนังสือจากหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ว่าได้มีชุดครูฝึกของค่ายทหาร นำโดยร้อยเอกอริยะ เรืองวาทสาร กล่าวหาตนว่าพยายามไปเจรจาหาผลประโยชน์เกี่ยวกับกิจกรรมการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ที่มาฝึกในโรงเรียน แล้วตั้งคณะกรรมการมาสอบตน แต่การสอบไม่เป็นผล เพราะตนไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมนี้
หลังจากนั้นตนได้ย้ายมาสอนที่โรงเรียนบ้านซาด อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ หนังสือฉบับเดียวกันได้ถูกส่งมาร้องเรียนต่อที่โรงเรียนบ้านซาด แต่เขตพื้นที่การศึกษาไม่สามารถตั้งคณะกรรมการสอบได้ เพราะเหตุเกิดคนละพื้นที่
ตนในฐานะที่ถูกกระทำวันที่ 9 มี.ค.2554 จึงเข้าไปแจ้งความจับ นาย ก. ผอ.คนดังกล่าว ฐานปลอมแปลงเอกสาร ชึ่งตอนนั้นตนไม่มีหลักฐานใดๆ มีเพียงความบริสุทธิ์ใจเข้าสู้ ต้องการให้พนักงานสอบสวนไปค้นหาหลักฐานที่ค่ายทหาร แต่พนักงานสอบสวนในตอนนั้นไม่ดำเนินการทำให้ศาลยกฟ้องเพราะเชื่อว่าเป็นเอกสารจริง (พนักงานสอบสวนไม่สืบหาต้นตอของเอกสาร)
โดยต่อมา นาย ก. ผอ. ได้ย้อนมาแจ้งความจับตนฐาน แจ้งความเท็จ ศาลชั้นต้นบุรีรัมย์ตัดสินให้ตนจำคุกโดยไม่รอลงอาญา 6 เดือน ต่อมาปี 2557ศาลอุธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น วันที่ 8 เมษายน 2557 ตนเข้าเรือนจำต้องออกจากราชการอัตโนมัติ
หลังจากพ้นโทษมาเมื่อวันที่ 5 ต.ค.57 ตนได้เริ่มค้นหาความจริงว่าเอกสารฉบับที่ตนถูกร้องมาจากไหน ตนเดินทางไปถึงกระทรวงศึกษาจนกระทั่งเดือน ตุลาคม 2561 นิติกรของกระทรวงศึกษา ระบุมาว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม
พยายามจะวิ่งไปขอดูรายละเอียดที่มณฑลทหารบกที่ 26 แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะชื่อของนายทหารท้ายหนังสือยังทำงานอยู่ที่ค่าย ตนได้ยื่นหนังสือขอข้อมูลอีกครั้งในปี 2567 สุดท้ายหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 26 ชี้แจงเป็นหนังสือถึงตนมาเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567
โดยสรุปว่า ร้อยเอกอริยะ เรืองวาทสาร ซึ่งมีรายชื่อเซ็นต์หนังสือร้องเรียนในตอนนั้น ระบุ มิได้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มิได้แต่งตั้งกำลังพลดังกล่าวให้รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้บังคับหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร จึงไม่มีอำนาจสั่งการหรือลงนามในหนังสือของหน่วยแต่อย่างใด จึงถือได้ว่า หนังสือฉบับดังกล่าวไม่เป็นหนังสือที่ออกจากหน่วยฝึกฯ
และต่อมามณฑลทหารบกที่ 26 ยังส่งหนังสื่อมาอีก 1 ฉบับลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ระบุว่ามณฑลทหารบกที่ 26 จะให้การเป็นพยานตามหนังสื่อที่อ้างถึง และพร้อมที่จะไปเป็นพยานให้หากได้รับหมายเรียกพยานของพนักงานสอบสวน
นายสุทัศน์ชัย เล่าด้วยว่าหลังจากได้ข้อมูลทุกอย่างครบสมบูรณ์ จึงตระเวนแจ้งความเพื่อเอาผิดกับ นาย ก. โดยเริ่มแจ้งที่ สภ.พล จ.ขอนแก่น เพราะเอาเอกสารดังกล่าวไปเป็นหลักฐานที่ศาลจังหวัดพล ,สภ.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ฐานเอาหลักฐานเท็จไปให้พนักงานสอบสวน ,สภ.เมืองบุรีรัมย์ที่เอาหลักฐานเท็จ ไปเป็นหลักฐานต่อศาล และแจ้งความต่อ สภ.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์
โดยตนจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพราะนาย ก. ได้สร้างความเจ็บช้ำให้กับครอบครัวของตน ต้องออกจากราชการ ต้องเข้าเรือนจำทั้งที่ตนไม่มีความผิด เสียโอกาสทำงานมานานกว่า 11 ปี และจะไม่ขอเจรจาคดีโดยเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวจังหวัดบุรีรัมย์ รายงาน