วันที่ 13 ก.ย. 2568 พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีข้อสงสัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุมขัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ประเด็นแรก กรณีที่นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก อยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีการปรับพื้นที่เขตเรือนจำกลางคลองเปรมเพิ่มใหม่เข้าไปในพื้นที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น

ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการปรับพื้นที่ให้กับนายทักษิณ เดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เรือนจำกลางคลองเปรม แต่ช่วงโควิดมีการปรับให้ไปเป็นพื้นที่ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะคนไข้ล้น พอหมดสถานการณ์โควิด ก็ปรับกลับมาให้เป็นพื้นที่ของเรือนจำกลางคลองเปรม

ประเด็นที่ ป.ป.ช. ให้พิจารณาถึงระเบียบการคุมขังนักโทษนอกเรือนจำ ให้มีรูปแบบที่ชัดเจน นั้นประเด็นนี้ทางเราจะรับพิจารณาอย่างแน่นอน เพราะตามข่าวแล้วทาง ป.ป.ช.จะมีการเสนอไปยัง ครม. แต่รายละเอียดมันยังไม่ปรากฎออกมา

แต่ตามจริงแล้วมันยังไม่สามารถทำได้ เพราะยังไม่มีกำไล EM ที่เป็นของกรมราชทัณฑ์ (ไม่เกี่ยวกับกำไล EM ของกรมคุมประพฤติ) หากจะมีการคุมขังนักโทษนอกเรือนจำจะต้องใส่กำไล EM เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ติดตาม แต่ตอนนี้ทางเรายังอยู่ระหว่างการของบประมาณซึ่งยังไม่ใช่ในปี 2569

และเมื่อถามถึงกฎกระทรวงว่าตามหลักแล้วทำได้หรือไม่ พันตำรวจโทเชน บอกว่า ตามกฎกระทรวง ปี 2563 มีมาก่อนแล้วเรื่องคุมขังนอกเรือนจำ และยังมีการออกระเบียบเมื่อปี 2566 และออกประกาศ ปี 2568 แต่ความเป็นจริงแล้วยังไม่เคยมีใครได้ออกไปคุมขังนอกเรือนจำ เพราะติดปัญหา อย่างที่ ป.ป.ช. บอกถึงรูปแบบความชัดเจนในการกำหนดต่าง ๆ รวมถึงเรื่องกำไล EM ด้วย

ส่วนนายทักษิณจะเข้าข่ายคุมขังนอกเรือนจำหรือไม่ พันตำรวจโทเชน ยืนยันว่า ยังไม่ใช้กับนายทักษิณแน่นอนถึงระเบียบดังกล่าว

ส่วนเรื่องการพักการลงโทษ ก็มีในกฎกระทรวงรองรับ และมีหลักการคือต้องโทษ 2ใน 3 แต่ถ้าอายุเกิน 70 มีอาการเจ็บป่วย อยู่ 1 ใน 3 ก็พักการลงโทษได้ ซึ่งใช้มากับนักโทษหลายคนมานานแล้ว

ขณะที่เรื่องของการขอพระราชทานอภัยโทษ พันตำรวจโทเชนบอกว่า นักโทษทุกคนที่เข้าเกณฑ์ สามารถใช่ได้หมด เพราะเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล