28 สิงหาคม 2568 หน่วยกู้ภัยสว่างเมตตานครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุบุคคลสูญหายใต้น้ำ ที่บริเวณคูเมือง หลังตลาดเทศบาล 5 อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
จึงจัดทีมกู้ภัยฯ นำอุปกรณ์ประดาน้ำ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อให้ความช่วยเหลือ โดยจุดเกิดเหตุเป็นคูเมืองนครราชสีมา กว้าง 20 เมตร ลึก 6 เมตร ยาวล้อมรอบเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร มีประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกและที่มาจับจ่ายซื้ออาหารในตลาด ต่างพากันมายืนดูการค้นหาผู้สูญหายกันเป็นจำนวนมาก
จากการสอบถาม ผู้เห็นเหตุการณ์ ที่นั่งเล่นอยู่บริเวณสวนหย่อมติดกับคูเมืองจุดเกิดเหตุ บอกว่า เห็นผู้สูญหายมานั่งจับกลุ่มล้อมวงกับเพื่อนที่สวนหย่อม และก่อนเกิดเหตุ ผู้สูญหายได้ลงไปในคูเมืองเพื่อจะหาปลา แต่พอมองไปดูอีกที ก็ไม่เห็นตัวผู้สูญหายแล้ว ซึ่งคิดว่าน่าจะจมน้ำอย่างแน่นอน จึงได้ตะโกนให้คนมาช่วยหา และได้โทรแจ้งให้กู้ภัยมาช่วยเหลือดังกล่าว
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า ผู้สูญหายคือ นายสุเทพ คากลาง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 หมู่ที่ 2 ตำบลหัวทะเล อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ได้ถอดเสื้อ ถอดรองเท้าผ้าใบไว้บนฝั่ง และยังพบแหดักปลา ขวดเหล้าขาว ขวดน้ำดื่ม และเศษถุงขนมขบเคี้ยว วางไว้ที่พื้นใกล้กับเสื้อของนายสุเทพ ด้วย
ทีมกู้ภัยฯ จึงโรยเชือกจากริมฝั่งคูเมืองฝั่งหนึ่ง ขึงข้ามไปยังอีกฝั่ง ในจุดที่คาดว่า นายสุเทพ น่าจมน้ำสูญหาย เพื่อให้ทีมประดาน้ำได้จับยึดระหว่างดำค้นหาใต้น้ำ ซึ่งระหว่างที่ดำค้นหา แม่ของนายสุเทพ ที่ทราบข่าว รีบมายังที่เกิดเหตุ แล้วนั่งร้องไห้ด้วยความตกใจและเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก จนเพื่อนบ้านที่มาด้วยกัน ต้องนำธูปมาจุดเพื่อขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยเปิดทางให้พบร่างของนายสุเทพ โดยเร็ว ซึ่งทีมประดาน้ำใช้เวลาดำค้นหาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงพบร่างของนายสุเทพ จมอยู่ที่ก้นสระคูเมือง
ทั้งนี้ ร้อยเวร สภ.เมืองนครราชสีมา ที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ สันนิษฐานเบื้องต้นว่า นายสุเทพ น่าจะมานั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนที่สวนหย่อมริมคูเมือง แล้วลงไปในคูน้ำเพื่อจะหาปลามารับประทาน โดยอาจจะมีอาการมึนเมาทำให้จมน้ำ หรืออาจจะเป็นเพราะร่างกายปรับสภาพไม่ทันเมื่ออยู่ในน้ำ จึงทำให้เกิดเป็นตะคริว จนเป็นเหตุให้จมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว
ซึ่งหลังเกิดเหตุ กลุ่มเพื่อนที่นั่งดื่มร่วมกับผู้เสียชีวิต ต่างหนีกระเจิงหายไปคนละทิศละทาง ในขณะที่ญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต แต่ทางร้อยเวรฯ ได้ให้กู้ภัยฯ นำร่างผู้เสียชีวิตส่งให้แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนก่อน แล้วจึงให้ญาติไปติดต่อขอรับศพนำกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป