พูดออกมาได้ไง! ชาวบ้านโวยผู้ว่าฯ สระแก้ว หลังบอกบ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์แม้แต่แปลงเดียว
ข่าวสังคม - โซเชียล

พูดออกมาได้ไง! ชาวบ้านโวยผู้ว่าฯ สระแก้ว หลังบอกบ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์แม้แต่แปลงเดียว

ภายหลังการประชุมและลงนามข้อตกลง RBC ไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยกองทัพภาคที่ 1 ได้มีการลงพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พร้อมทั้งดำเนินการกั้นรั้วลวดหนามบริเวณแนวชายแดน เพื่อรักษาความมั่นคงในพื้นที่ซึ่งถูกกัมพูชายึดครองมานานกว่า 40 ปี ทำให้ชาวบ้านมีความหวังว่าจะได้ที่ดินมรดกของตนกลับคืนมา

อย่างไรก็ตาม กลับเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อในการแถลงข่าวร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 1 นายปริญญา กล่าวว่า เฉพาะพื้นที่ปัญหาที่หนองจาน ในทางสิทธิของที่ดิน เราได้ตรวจสอบแล้ว แล้วก็ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ไม่มี สค.1 ไม่มี นส.3 ทั้งนั้น และสภาพพื้นที่มันเป็นพื้นที่ป่า การอยู่อาศัยนั้น ทางการไทยก็ได้ออกบ้านเลขที่ให้ การใช้ไฟฟ้าก็ใช้ไฟฟ้าไทย ตรงนี้เราขอยืนยัน แล้วก็เรื่องของการให้สัญชาติ เราก็ไม่ได้ให้สัญชาติคนที่อยู่ในนั้น หากลงพื้นที่ไปที่หนองจาน จะมีเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินอรัญประเทศ คอยชี้แจงและนำภาพถ่ายทางอากาศมาให้ดู ในเรื่องของสิทธิที่ดินในแปลงนั้น ตั้งแต่ย้อนหลังไปประมาณ 1 กว่า (2501) ก็จะมีแผนที่ให้ดูว่า ตั้งแต่เริ่มต้นมันเป็นพื้นที่อะไร ประมาณ 5 ภาพ เปรียบเทียบมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งฝ่ายปกครองยืนยันว่า ตรงนั้นไม่มีที่เอกสารสิทธิ์ใดๆ เลย

เมื่อถามว่า แม้แต่คนไทยก็ไม่มีใช่หรือไม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ตอบว่า ไม่มีเลย ไม่มีที่เอกสารสิทธิ์เลย เพราะว่าถ้าที่ดินแปลงใดมีเอกสารสิทธิ์ จะมีภาพถ่ายทางอากาศและก็จะมีระวางของทางกรมที่ดิน ทุกวันนี้กรมที่ดินใช้พื้นที่ทั่วประเทศ และเมื่อวานได้นำเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน กรมป่าไม้ และ สปก.มาตรวจสอบร่วมกันแล้ว ก็ไม่มี แม้กระทั่ง สปก.ก็ไม่ได้ออกเอกสารสิทธิ์ จึงแจ้งให้เข้าใจตรงกัน

ขณะเดียวกัน ระหว่างการลงพื้นที่บ้านหนองจานของคณะทูตทหาร 8 ประเทศ และสื่อมวลชน ได้มีการนำประเด็นดังกล่าว ไปสอบถามกับชาวบ้านที่ถูกระบุว่า เป็นเจ้าของที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งนายธิติพัธท์ เสมาทอง แกนนำชาวบ้านอ่างศิลาและบ้านหนองจาน ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน 48 ไร่ ในพื้นที่ดังกล่าว และมีเอกสาร สค.1 ตั้งแต่ปี 2489 ได้ออกมาโวยกับเจ้าหน้าที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีปลัดจังหวัด ป้องกันจังหวัด และนายอำเภอโคกสูง รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ดินอรัญประเทศ คอยชี้แจงกรณีนี้อยู่ในพื้นที่

นายธิติพัธท์ กล่าวว่า ชาวบ้านได้รวบรวมเอกสารทั้งหมด ส่งให้อำเภอตรวจสอบ และส่งไปที่จังหวัด รวมทั้งฝ่ายความมั่นคง และส่งไปที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีผู้เป็นเจ้าของและได้รับผลกระทบถูกเขมรยึดที่ดิน จำนวน 52 ราย รวมพื้นที่ 2,717 ไร่ 1 งาน มีที่ดินตั้งอยู่ติดกับแนวเส้นเขตแดนที่ 46-47 ลงมาจนครอบคลุมถึงถนนศรีเพ็ญ

ผู้ว่าฯ คนก่อนๆ ยังรู้เรื่องปัญหาและมีข้อมูลตรงนี้ แต่ทำไมผู้ว่าฯ คนนี้ไม่รู้เรื่อง พูดได้อย่างไรว่า ชาวบ้านไม่มีเอกสารสิทธิ์ หลังจากนี้จะรวมตัวชาวบ้านไปสอบถามผู้ว่าฯ ถึงศาลากลาง นายธิติพัธท์ กล่าว

ขณะที่นายนริศ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นายอำเภอโคกสูง พยายามชี้แจงให้กับกลุ่มชาวบ้านว่า ผู้ว่าฯ อาจจะเข้าใจผิดว่า เป็นเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวยังไม่ได้มีการออกโฉนด แต่มีการครอบครอง สค.1 และ นส.2 หรือ 3 ซึ่งสามารถนำไปเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ์และออกโฉนดได้ภายหลัง

นางคำผิน โอปั่น เจ้าของที่ดิน สค.1 ที่อยู่ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46-47 เนื้อที่ 75 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่จุดที่ทหารเข้าไปกั้นรั้วลวดหนามและผลักดันชาวกัมพูชาออกไป ซึ่งเขมรไปปลูกบ้านอยู่ มีโกดังเก็บของ เป็นหมู่บ้าน ซึ่งเธอสามารถเข้ามาในพื้นที่นี้ได้ครั้งแรกเช่นกัน บอกว่า ปัจจุบันทำกินในที่ดินของตัวเองได้แค่ 20 ไร่ อยากได้ที่ดินคืน อยากให้ทหารเข้าไปยึดและแบ่งพื้นที่ตามหลักเขต หากบอกว่า ไม่มีเอกสารสิทธิ์ แล้วสิ่งที่ตนเองถือคืออะไร

ด้านนางจิดาภา สิทธิพล อายุ 72 ปี เจ้าของที่ดินแปลงที่อยู่ติดกับหลักเขตแดนที่ 47 จำนวน 48 ไร่ ได้นำหลักฐานเอกสารสิทธิ์ที่ดินมาชูให้นักข่าวและเจ้าหน้าที่ดู พร้อมกล่าวว่า หากผู้ว่าฯ บอกว่า ไม่มีเอกสารสิทธิ์ แล้วตนเองนำมาถือได้อย่างไร

กรณีนี้นายสุเทพ ชัยวัฒน ปลัดจังหวัดสระแก้ว ได้เข้าชี้แจงกับชาวบ้านและอธิบายรายละเอียดว่า เป็นเอกสารที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ เพื่อออกโฉนดต่อไปในอนาคต ภายหลังปัญหาเรื่องเขตแดนเสร็จสิ้นลง