จากกรณีนักเรียนชายชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่ง เกิดอาการเครียด จนเข้าไปทำร้ายครูหญิงกลางห้องเรียน เหตุไม่พอใจ ผลตรวจคะแนนสอบกลางภาค จนคุณครูท่านดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีการฟกช้ำที่ดวงตา หัวบวมทางด้านซ้าย ซี่โครงอักเสบ และได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.หนองฉาง ไว้แล้ว ส่วนนักเรียนที่ก่อเหตุ ทางผู้ปกครองก็ได้ติดต่อเข้ามาขอโทษครูแทนลูก โดยนักเรียนชายคนดังกล่าวถูกพักการเรียนเป็นบทลงโทษ และได้มาทำเรื่องลาออกจากโรงเรียนในเวลาต่อมา ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ล่าสุด เฟซบุ๊กของครูอาร์ตี้ ได้โพสต์ข้อความขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวของครูนะครับจากเหตุนักเรียน ม.5 ด่าครู ชกหน้าครู หลายครั้ง เตะ ตีเข่าใส่ครู จนซี่โครงอักเสบ เหตุเพราะได้คะแนนสอบกลางภาคไม่เต็ม อ่านข่าวเต็มในคอมเม้นต์ #Saveครู พร้อมกับลงภาพพื้นสีเขียวมีภาพกำหมัด ภาพชอล์กเขียนกระดาน และเลขคะแนน 18/20 และยังมีข้อความทับลงในภาพดังกล่าวว่า ขอแสดงความเป็นห่วงต่อเหตุการณ์ที่หนองฉาง นักเรียนด่าครู เตะตีเข่าใส่ครูจนซี่โครงอักเสบ เหตุเพราะได้คะแนนสอบไม่เต็ม
ต่อมา แหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์จะเอ่ยนาม เผยว่า จากกรณีที่มีเพจดังนำไปโพสต์นั้นเป็นความจริงทุกประการ และยังได้ส่งคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งภาพเป็นภาพที่นักเรียนชายชั้น ม.5 ของโรงเรียนเอกชนดัง โดยเรียนตั้งอยู่ที่อำเภอหนองฉาง และในภาพนักเรียนที่ก่อเหตุมีร่างกายกำยำสูงประมาณ 170 ซม.เข้ามารัวหมัดอย่างโหดร้ายไม่คิดว่าทำกับผู้หญิงถึงกับทำให้ถึงตาย โดยต่อยรัวหมัดไปที่ใบหน้ครูชุดแรก ซึ่งครูพยามจะสู้แต่สู้กำลังของนักเรียนที่ก่อเหตุไม่ได้ และถูกตีเข่าใส่ 1 ครั้ง และยังได้รัวหมัดอีกนับไม่ถ้วน ตอนนั้นไม่มีนักเรียนมาห้ามแต่อย่างใดมีแต่นักเรียนหญิง
จากนั้น มีนักเรียนหญิงมากันไว้ นักเรียนที่ก่อเหตุยังถีบซ้ำอีก รวมแล้วประมาณ 14 – 15 หมัด รวมทั้งตีเข่าและถีบอีกอย่างละ 1 ครั้ง สุดท้ายมีครูชายเข้ามาห้าม แต่ครูหญิงบอบช้ำไปทั้งตัว สำหรับครูหญิงที่ถูกทำร้ายเป็นคนร่างเล็กสูงประมาณ 150 ซม.ซึ่งไม่มีทางสู้แน่นอน กำลังนั่งโต๊ะครูอยู่หน้าชั้นเรียนรอนักเรียนซึ่งมีนักเรียนชายจำนวน 8 คน และนักเรียนหญิง 28 คน รวมทั้งห้อง 36 คน ซึ่งขณะนั้นไม่มีนักเรียนชายอยู่แม้ซักคนเดียว มีเพียงผู้ก่อเหตุที่เป็นผู้ชายเท่านั้น และนักเรียนหญิงเกือบ 20 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ครูหญิงถูกนักเรียนที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ยืนยันที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่อสาธารณชน ขอพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน