กลายเป็นเรื่องราวสุดสะเทือนใจที่ถูกแชร์อย่างกว้างขวางบนโลกโซเชียล เมื่อคุณแม่รายหนึ่งออกมาเล่าประสบการณ์สุดเจ็บปวด หลังลูกชายวัยเพียง 8 เดือน ต้องเผชิญเหตุไม่คาดคิดระหว่างเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน จนตั้งคำถามว่าเหตุการณ์นี้ควรมีผู้รับผิดชอบหรือไม่
คุณแม่เล่าว่า คืนวันที่ 10 ลูกมีไข้สูง ตัวร้อนมาก แม่พยายามเช็ดตัวตลอดทั้งคืน แต่อาการไม่ดีขึ้น กระทั่งเวลาประมาณตี 4 ของเช้าวันที่ 11 จึงตัดสินใจพาลูกไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึง พยาบาลวัดไข้แจ้งว่าอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส แต่แม่รู้สึกว่าอุณหภูมิไม่น่าจะใช่ จึงขอให้วัดซ้ำอีกครั้ง ก่อนพบว่าไข้พุ่งสูงถึง 41 องศา และตรวจพบว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A แพทย์จึงสั่งแอดมิททันที ซึ่งแม่ยินยอมโดยไม่ลังเล ด้วยความเป็นห่วงลูก
ช่วงกลางคืน อาการของลูกทรุดลง เด็กร้องไห้ งอแง ไม่หลับตลอดคืน ขณะที่เครื่องให้น้ำเกลือส่งสัญญาณเตือนดังขึ้นหลายครั้ง ไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง โดยทุกครั้งที่เครื่องเตือน แม่กดเรียกพยาบาลเข้ามาตรวจสอบ แต่ได้รับคำตอบเพียงว่าน้องดิ้น ทำให้สายน้ำเกลือพันตัว ทั้งที่บริเวณเข็มถูกปิดมิดชิด ไม่สามารถมองเห็นสภาพจริงได้
จนกระทั่งเช้าวันถัดมา เวลาประมาณ 6 โมง พยาบาลแจ้งว่าแขนของเด็กมีอาการบวม และขอพาไปตรวจในอีกห้องหนึ่ง แม่จึงเดินตามไปด้วยความตกใจ ก่อนจะพบภาพที่ทำให้หัวใจแทบสลาย เมื่อเปิดผ้าที่แขนซึ่งให้น้ำเกลือ พบว่าแขนบวม แข็ง เนื้อเย็นคล้ายพลาสติก มีตุ่มพองน้ำทั่วแขน บางจุดแตกจนเห็นเนื้อสีแดงสด ภายหลังทราบว่า สายน้ำเกลือไม่ได้เข้าเส้นเลือด หรืออาจหลุดออกโดยไม่มีการตรวจเช็กตลอดทั้งคืน ส่งผลให้น้ำเกลือไหลเข้าสู่กล้ามเนื้อและผิวหนังแทน ทั้งที่เครื่องเตือนส่งสัญญาณผิดปกติตลอดเวลา
แพทย์และพยาบาลได้เข้ามาขอโทษ พร้อมแจ้งว่าจะส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลรัฐ เนื่องจากไม่มีแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมผิวหนัง โดยขณะนั้นแม่ขอเพียงให้ลูกได้พบแพทย์ ได้พักผ่อน และได้กินนม เนื่องจากก่อนหน้านี้แพทย์สั่งงดอาหารและงดนมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงโรงพยาบาลปลายทาง การรักษากลับเป็นไปอย่างล่าช้า รถรีเฟอร์จากโรงพยาบาลเดิมเดินทางกลับทันที ทั้งที่แจ้งว่ามีการเตรียมการไว้เรียบร้อย เด็กถูกพาไปอยู่ในห้องแยกขนาดเล็ก และต้องรอคอยนานหลายชั่วโมง โดยไม่ได้รับการดูแลตามที่คาดหวัง
หลังรอมากกว่า 3 ชั่วโมง ครอบครัวจึงตัดสินใจไม่รออีกต่อไป และพาลูกออกจากโรงพยาบาล เพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนอีกแห่งทันที ปัจจุบัน เด็กยังคงเข้ารับการรักษาอย่างใกล้ชิด อาการไข้ดีขึ้นแล้ว เหลือเพียงแผลที่แขนซึ่งติดเชื้อ ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด หากพบเนื้อตาย อาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด
คุณแม่ระบุว่า เหตุการณ์ทั้งหมดสร้างบาดแผลทางใจให้พ่อแม่อย่างมาก พร้อมตั้งคำถามถึงความรอบคอบในการรักษา ทั้งที่มีสัญญาณเตือนผิดปกติตลอดคืน แต่กลับไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง จนทำให้อาการของลูกทรุดหนัก
ทั้งนี้ โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกได้โทรศัพท์มาแสดงความห่วงใย พร้อมเสนอให้พาลูกกลับไปรักษาต่อโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ครอบครัวยืนยันจะไม่กลับไปอีก เนื่องจากความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายของลูก และบาดแผลในใจของพ่อแม่ยากจะเยียวยา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กวัยเพียง 8 เดือน กลายเป็นคำถามสำคัญต่อสังคมว่า การรักษาพยาบาลที่ผิดพลาดเช่นนี้ ควรมีผู้ใดต้องออกมารับผิดชอบ