เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 ศูนย์ประชาสัมพันธ์กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน ผ่านเพจเฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิยา โดยระบุว่า อัปเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุก ๆ 24 ชม. นับตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 07.00 น.วันรุ่งขึ้น และลมที่ระดับ 850hPa 1.5 กม.10 วันล่วงหน้า ระหว่าง วันที่ 2 - 11 พ.ย. 68 จากแบบจำลองของกรมอุตุนิยมวิทยา (TMD-WRFDA) เฉดสีแสดงถึงปริมาณฝน (มม.) สีเขียว หมายถึง ฝนเล็กน้อย สีเหลือง-ส้ม หมายถึง ฝนปานกลาง สีแดง หมายถึง ฝนหนัก (มากว่า 35.1มม.)


ในช่วง 2 - 3 พ.ย.68 คาดว่าจะมีเมฆมาก ยังและมีฝนตกต่อเนื่องได้บริเวณประเทศไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่งเนื่องจากมวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาปกคลุมมีกำลังอ่อน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวไทยตอนบน กำลังเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุม ที่พาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนบน ลมระดับล่างเปลี่ยนเป็นลมตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุม


ซึ่งในช่วง 1 - 2 วันนี้ ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคเหนือด้านตะวันตก ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก กทม. ปริมณฑลและภาคใต้ตอนบน ต้องระวังฝน ออกนอกบ้านยังต้องพกร่ม เสื้อกันฝน ระวังรักษาสุขภาพ อากาศที่เปลี่ยนแปลง อาจเจ็บป่วยได้ง่ายในระยะนี้
สำหรับเกษตรกรที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตหรือตากผลผลิต ต้องเตรียมป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ ส่วนภาคใต้โดยเฉพาะฝั่งอ่าวไทย มีฝนตกกระจาย ต้องระวังฝนตกหนัก และฝนตกสะสม ฝนจะมีตกหนักเบาสลับบางวัน ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ คลื่นลมแรงขึ้นบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


ส่วนในช่วง 4 - 9 พ.ย.68 มวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจะแผ่ลงมาปกคลุมไทยตอนบนอีกครั้ง ฝนเริ่มลดลง แต่ยังมีเกิดขึ้นบางแห่ง และติดตามพายุในมหาสมุทรแปซิฟิก กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกที่คาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนกลางประเทศฟิลิปปินส์ ลงสู่ทะเลจีนใต้


นอกจากนี้ ในช่วง 6 - 8 พ.ย.68 จะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ฝั่งประเทศเวียดนาม แต่พอมาปะทะอากาศเย็น จะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว ยังต้องติดตามเป็นระยะ ๆ เนื่องจากทิศทางและกำลังพายุ ยังเปลี่ยนแปลง


และช่วงใน 10 - 11 พ.ย.68 มวลอากาศเย็นเริ่มแผ่มาปกคลุมประเทศไทยตอนบน เป็นระบบมากขึ้น อากาศจะเริ่มเย็นในตอนเช้า ฝนลดลง ยังมีฝนบางแห่งในภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล ทั้งนี้ ข้อมูลยังมีการเปลี่ยนแปลง ใช้เป็นแนวทางเพื่อประกอบการตัดสินใจการติดตามสภาพอากาศ
ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิยา
เรียบเรียงโดยทีมข่าวสยามนิวส์