วันที่ 14 ตุลาคม 2568 มีรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ยังคงระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนอย่างต่อเนื่องในอัตรา 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ส่งผลให้มวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย รวมถึงคลองสาขาหลายสายเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำทั่วจังหวัด โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่ติดแม่น้ำและลำคลอง ยังคงมีระดับน้ำสูงเฉลี่ย 2-3 เมตร และท่วมขังยาวนานกว่า 2-3 เดือนแล้ว

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รายงานว่า ขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมแล้ว 12 อำเภอ 147 ตำบล 889 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 49,873 ครัวเรือน มัสยิดถูกน้ำท่วม 2 แห่ง ถนนหมู่บ้าน 58 สาย สถาน

ที่ราชการ 8 แห่ง โรงเรียน 33 แห่งและมีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย โดยพื้นที่น้ำท่วมรุนแรงที่สุดอยู่ในอำเภอเสนา บางบาล และบางไทร

ที่ชุมชนหมู่ 4 ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา หนึ่งในพื้นที่น้ำท่วมสูงสุดจากแม่น้ำน้อยล้นตลิ่ง ชาวบ้านต้องใช้ชีวิตอยู่กลางน้ำอย่างยากลำบาก บ้านหลายหลังถูกน้ำท่วมสูงจนต้องย้ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ขึ้นไปจอดบนสะพาน ใช้เรือเป็นพาหนะหลักในการสัญจร และปรับตัวอยู่กับสภาพน้ำท่วมยาวนานกว่า 3 เดือนเต็ม

นางบุญเรือน อายุ 71 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงเล็กน้อย แต่ยังต้องใช้เรือเดินทางเข้าออกทุกวัน ความเป็นอยู่ลำบาก โดยเฉพาะเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และของใช้จำเป็น หลายบ้านไม่มีเรือต้องอาศัยยืมจากเพื่อนบ้านหรือฝากให้ช่วยซื้อของเข้ามา เธอยังต้องดูแลผู้ป่วยติดเตียงอีก 2 รายในชุมชนด้วย ทำให้การใช้ชีวิตช่วงนี้เหน็ดเหนื่อยและยากลำบากเป็นพิเศษ

ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่หน่วยงานภาครัฐเตรียมเร่งระบายน้ำและส่งเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าช่วยเหลือต่อเนื่อง