วันที่ 10 ตุลาคม 2568 สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น เขื่อนเจ้าพระยาปรับลดการระบายน้ำลงอีกครั้ง จาก 2,400 ลบ.ม./วินาที เหลือ 2,300 ลบ.ม./วินาที เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ฝนและน้ำท่า และบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนใน 11 จังหวัดท้ายเขื่อน โดยล่าสุด ระดับน้ำท้ายเขื่อนลดลง 23 เซนติเมตร

สำหรับปริมาณน้ำที่ สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ มีน้ำไหลผ่านลดลงอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 2,707 ลบ.ม./วินาที ส่วนที่ เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.07 เมตร/รทก. ขณะที่ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนยังคงทรงตัวอยู่ที่ 15.47 เมตร/รทก. ซึ่งยังอยู่ห่างจากระดับตลิ่งเพียง 87 เซนติเมตร

แม้ระดับน้ำโดยรวมจะลดลง แต่สถานการณ์ในพื้นที่ ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ยังคงน่าเป็นห่วง มี ประชาชนกว่า 1,300 ครัวเรือนได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ประชาชนกว่า 600 ครัวเรือน ต้องอพยพมาอาศัยอยู่ริมถนนสายคันคลองมหาราชในที่พักชั่วคราวเป็นแนวยาวหลายกิโลเมตร ขณะที่บางส่วนยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน และใช้เรือสัญจรเข้า-ออกหมู่บ้าน

นางเฉลิม จับใจ ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า ยอมรับสภาพได้เนื่องจากสมัยก่อนก็ท่วมเป็นประจำ แต่ปีนี้ทางเทศบาลตำบลโพนางดำออกได้พยายามป้องกันน้ำอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การใช้ชีวิตยังคงยากลำบาก และเริ่มมีปัญหาน้ำท่วมขังส่งกลิ่นเน่าเหม็น รวมไปถึงการเข้าช่วยเหลือที่อาจไม่ทั่วถึงในบางจุดที่น้ำท่วมหนักกว่า

ด้าน นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท เขต 1 พร้อมด้วยนายก อบจ.ชัยนาท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพที่จัดซื้อด้วยงบประมาณส่วนตัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้กับผู้ประสบภัยกว่า 1,300 ครัวเรือน

นอกจากปัญหาที่อยู่อาศัยและการดำรงชีวิตแล้ว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโพนางดำออก (รพ.สต.) ก็ถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ เจ้าหน้าที่จึงต้องตั้งเต็นท์ชั่วคราวเพื่อดูแลชาวบ้านที่มีอาการเจ็บป่วย

เพื่อแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นและน้ำเน่าเสีย ทาง สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดชัยนาท ได้นำสารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็น (พด.6) มาใส่ตามจุดที่น้ำท่วมขังที่เริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น เพื่อลดความเดือดร้อนด้านสุขอนามัยให้กับชาวบ้านในพื้นที่