เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 ชุดสืบสวน กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากแม่ค้าออนไลน์ขายพระเครื่องว่า แม่ของเธอถูกสวมบัตรประชาชน ทำให้เธอไม่สามารถขอคัดสำเนาทะเบียนราษฎร์ของแม่ได้
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อแม่ค้าออนไลน์คนนี้ไม่ได้เจอแม่มานานหลายปี จึงต้องการตามหา แต่เมื่อไปยื่นเรื่องที่สำนักงานเขตบึงกุ่ม กลับพบว่าเลขบัตรประชาชนของแม่กลายเป็นของบุคคลอื่น ทำให้เธอตั้งใจจะดำเนินคดีกับผู้ที่สวมสิทธิ์ดังกล่าว
แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่สืบนครบาลและกรมการปกครอง พบว่าไม่มีการสวมสิทธิ์แต่อย่างใด แต่เกิดจากความผิดพลาดของระบบทะเบียนราษฎร์ เนื่องจากชื่อของแม่ค้ามีชื่อซ้ำซ้อนกับบุคคลอื่นอีกหลายคน เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนต่อจนพบว่าครอบครัวของแม่ค้าทางฝั่งแม่เสียชีวิตไปหลายคนแล้ว เหลือเพียงพี่ชายของแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่และอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
ในวันที่ 20 กันยายน เจ้าหน้าที่สืบนครบาลจึงได้พาแม่ค้าออนไลน์เดินทางไปพบกับพี่ชายของแม่ ซึ่งเป็นลุงของเธอ ที่บ้านหนองตะไก้ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา และได้รับรู้ความจริงที่ทำให้เธอถึงกับพูดไม่ออก เมื่อลุงเล่าว่าแม่ของเธอป่วยและเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2559 จากนั้นจึงได้พาเธอไปพบกับสามีใหม่ของแม่ที่บวชเป็นพระอยู่ที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เพื่อยืนยันเรื่องราวทั้งหมด
แม่ค้าออนไลน์เผยความรู้สึกว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ตามหาแม่ เธอได้จ้างทนายและนักสืบมาหลายคนแต่ก็ไม่พบ เมื่อได้ยินจากปากของลุงว่าแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว เธอรู้สึกจุกและพูดไม่ออก มีทั้งความดีใจที่ได้เจอลุงแท้ๆ และเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้พบแม่ ได้กอดและร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย
โดยเธอกล่าว่า ถ้าไม่ได้พี่ ๆ สืบนครบาลช่วย หนูคงยังต้องไปรอแม่ที่บ้านโคกมะม่วง ที่ จ.บุรีรัมย์ ไปตลอดชีวิต ทุกครั้งที่หนูผ่านเส้นนั้น หนูจะไปตามหาแม่ที่นั่นตลอด แต่ไม่เคยได้คำตอบเลย ขอบพระคุณพี่ ๆ สืบนครบาลที่ช่วยให้หนูได้พบแม่ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่รูปภาพ แต่หนูก็ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนอุ้มท้องหนูแล้ว ทุกอย่างไขข้อสงสัย และได้คำตอบทุกอย่างแล้ว