เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประกาศ แจ้ง 45 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ดินโคลนถล่ม อ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ระดับน้ำเพิ่มขึ้นฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำในแม่น้ำยมและแม่น้ำแควน้อยเปลี่ยนแปลง รวมถึงเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มขึ้น ในช่วงวันที่ 24-28 สิงหาคม 2568
โดยจัดทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง ให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีประกาศฉบับที่ 18/2568 เรื่องเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ระบุว่า ได้ติดตามการคาดการร์สภาพอากาศพบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่
ทั้งนี้ได้มีการประเมิน วิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ พบว่า มีพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง จึงขอแจ้งพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ระหว่างวันที่ 24-28 สิงหาคม 2568 แยกเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่ม ดังนี้
ภาคเหนือ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอปาย อำเภอขุนยวม อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย) จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภออมก๋อย) จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเทิง อำเภอแม่จัน และอำเภอดอยหลวง) จังหวัดลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน อำเภอแม่ทา และอำเภอบ้านธิ) จังหวัดลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง อำเภอแม่ทะ อำเภอห้างฉัตร และอำเภอเมืองปาน) จังหวัดพะเยา (อำเภอเมืองพะเยา อำเภอปง และอำเภอเชียงคำ) จังหวัดน่าน (อำเภอทุ่งช้าง อำเภอแม่จริม และอำเภอเวียงสา) จังหวัดอุตรดิตถ์ (อำเภอท่าปลา และอำเภอน้ำปาด) จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง อำเภอแม่ระมาด อำเภอแม่สอด และอำเภออุ้มผาง) จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอเมืองพิษณุโลก อำเภอชาติตระการ อำเภอนครไทย อำเภอบางระกำ อำเภอเนินมะปราง และอำเภอวังทอง) และจังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอวังโป่ง และอำเภอศรีเทพ)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย (อำเภอเมืองเลย อำเภอเชียงคาน อำเภอนาแห้ง และอำเภอวังสะพุง) จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ และอำเภอสระใคร) จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอเมืองบึงกาฬ) จังหวัดอุดรธานี (อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอบ้านดุง อำเภอกุดจับ อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ และอำเภอเพ็ญ) จังหวัดสกลนคร (อำเภอวานรนิวาส และอำเภออากาศอำนวย) จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอคอนสาร อำเภอจัตุรัส และอำเภอหนองบัวแดง) จังหวัดยโสธร (อำเภอไทยเจริญ และอำเภอเลิงนกทา) จังหวัดอำนาจเจริญ (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ อำเภอเสนางคนิคม และอำเภอชานุมาน) จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอคง อำเภอครบุรี อำเภอชุมพวง อำเภอด่านขุนทด อำเภอโนนสูง อำเภอบัวใหญ่ อำเภอปากช่อง อำเภอพิมาย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอสีคิ้ว และอำเภอสูงเนิน) และจังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอเขมราฐ อำเภอนาตาล อำเภอเดชอุดม อำเภอนาจะหลวย อำเภอนาเยีย อำเภอน้ำยืน อำเภอบุณฑริก อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอวารินชาบ และอำเภอสำโรง)
ภาคกลาง จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครนายก (อำเภอเมืองนครนายก และอำเภอปากพลี) จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี อำเภอประจันตคาม และอำเภอศรีมหาโพธิ์) จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว อำเภอโคกสูง อำเภอตาพระยา และอำเภอวัฒนานคร) จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง และอำเภอศรีราชา) จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง และอำเภอนิคมพัฒนา) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอแก่งหางแมว อำเภอเขาคิชฌกูฏ อำเภอท่าใหม่ อำเภอโป่งน้ำร้อน อำเภอมะขาม อำเภอสอยดาว อำเภอแหลมสิงห์ และอำเภอขลุง) และจัหวัดตราด (ทุกอำเภอ)
ภาคใต้ จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร อำเภอพะโต๊ะ และอำเภอหลังสวน) จังหวัด สุราษฎร์ธานี (อำเภอบ้านตาขุน) จังหวัดระนอง (ทุกอำเภอ) จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา อำเภอคุระบุรี และอำเภอกะปง) และจังหวัดภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี และจังหวัดกระบี่
พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก แม่น้ำแควน้อย บริเวณอำเภอนครไทย และอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก
พื้นที่เฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ใน 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัยให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่ ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกประกาศหรือติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนบริเวณชายฝั่งทะเลห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำโดยเด็ดขาด และให้แจ้งชาวเรือ ผู้บังคับเรือ และผู้ประกอบการเดินเรือโดยสารเพิ่มความระมัดระวัง ในการเดินเรือหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง ให้พิจารณาห้ามเดินเรือเด็ดขาด พร้อมกันนี้ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย และพร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะนี้ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ประกาศการแจ้งเตือนภัย สถานการณ์น้ำในพื้นที่ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ ทั้งระบบ IOS และ Android และหากความเดือดร้อนจากสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ ปภ.รับแจ้งเหตุ1784 โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
เรียบเรียงโดยทีมข่าวสยามนิวส์