เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ได้ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฉบับที่ 5 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร
จากการคาดการณ์ในช่วงวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,650-1,850 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และคาดว่าจะมีปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขาเพิ่มอีกประมาณ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีอยู่ระหว่าง 1,750-1,950 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
โดยกรมชลประทานจะส่งน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้งสองฝั่งในอัตรา 400-450 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1,200-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.10-0.90 เมตร ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ได้แก่ บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน แต่หากมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นจนทำให้มีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที กรมชลประทานจะแจ้งเตือนอีกครั้ง
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,551 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท มีระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 15.75 เมตรรทก. และระดับน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ 11.82 เมตรรทก. ระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ 4.52 เมตร โดยมีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 1,150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ภาพจาก กรมชลประทาน
อย่างไรก็ตามกรมชลประทานยืนยันว่าจะบริหารจัดการน้ำและควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมทั้งขอให้ 11 จังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด