วันที่ 26 ธ.ค. 2568 น.อ.นรา คุณโฑดม ผู้ช่วยโฆษก ทร. เปิดเผยว่า ทัพเรือภาคที่ 1 และ ศรชล. ภาค 1 ได้จัดเรือและอากาศยานลาดตระเวนเฝ้าตรวจติดตามสกัดกั้นเรือที่มีทิศทางเข้าและออกประเทศกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กองทัพเรือได้ตรวจพบเรือสัญชาติไทย ที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยว่ามีความพยายามในการลักลอบนำเข้า น้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งในปัจจุบันนี้เราได้ทำการติดตามอย่างใกล้ชิด

จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ถ้าเราสามารถจำกัดขีดความสามารถของกัมพูชาได้มากเท่าไหร่ การปะทะครั้งนี้ สงครามที่เกิดขึ้น ก็จะยุติลงได้เร็วมากที่สุด จึงขอความร่วมมือให้ปฏิบัติการทางทหารสามารถยุติได้เร็วที่สุด

ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงเรือต้องสงสัยว่า ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะยังอยู่ในระหว่างการติดตาม ซึ่งกองทัพเรือและ ศรชล. ระบบติดตามเรือพาณิชย์ทุกลำ ว่ามีต้นทางและปลายทางไปท่าเรือใด ขนสิ่งใดบ้าง โดยเราเฝ้าสังเกตพฤติกรรมที่ต้องสงสัยของเรือบางลำ ที่ตีเรือเปล่าออกจากประเทศไทย มุ่งหน้าไปยังสักที่หนึ่ง และมีแนวโน้มความเป็นไปได้เข้าสู่กัมพูชา ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้เข้าไป ดังนั้นเราจึงอยากสื่อสารไปว่าเราดูแล้วเราเห็นอยู่

เราทำได้เพียงขอความร่วมมือสิ่งใดที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ เราทำเต็มที่อยู่แล้ว ส่วนสิ่งใดที่อยู่นอก อำนาจหน้าที่ของกองทัพเรือ เราทำหน้าที่ได้เพียงขอความร่วมมือ ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกผู้ประกอบการและเจ้าของเรือ ว่าเรายังxายกันไม่พออีกหรือ ทำไมเรายังให้การสนับสนุนประเทศอริราชศัตรูกับเรา ในขณะที่เรากำลังรบอยู่ในขณะนี้

กองทัพเรือมองว่าหากฝ่ายกัมพูชา ขาดซึ่งน้ำมันก็จะส่งผลต่อปฏิบัติการทางทหารที่ถูกจำกัดลง เพราะน้ำมันจะถูกให้ใช้ในยานพาหนะทางทหาร เช่น BM-21 , รถถัง , ยานยนต์หุ้มเกราะ เป็นต้น แม้ในปัจจุบันนี้การตอบโต้จะเบาบางลง ฝ่ายกัมพูชายังมีขีดความสามารถและดำเนินการตอบโต้ฝ่ายไทยได้อยู่ ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ได้มีเพียงทหาร แต่ยังมีประชาชนตามแนวชายแดนอีกนับแสนคน ที่ได้รับผบกระทบ