วันที่ 18 ธันวาคม 2568 กองทัพบกเปิดเผยสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่ามีการเปิด 4 พื้นที่สีแดงที่มีการปะทะรุนแรง ได้แก่ บริเวณปราสาทตาควาย ภูมะเขือ บ้านคลองแผง และบ้านหนองจาน ขณะที่การสู้รบในวันที่ 11 ของสถานการณ์ยังคงดุเดือด โดยเฉพาะการช่วงชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ตาควาย-เนิน 350 ซึ่งมีการรุกและรับสลับหนักเบาอย่างต่อเนื่อง พร้อมชี้แจงสาเหตุที่ยังไม่สามารถกู้ร่างทหารผู้เสียชีวิต 2 นายจากพื้นที่เนิน 350 ได้
กองทัพบกรายงานภาพรวมสถานการณ์การสู้รบประจำวันที่ 11 ว่า ยังมีการปะทะกับฝ่ายกัมพูชาในทุกพื้นที่ โดยลักษณะการสู้รบมีทั้งช่วงที่รุนแรงและผ่อนคลายสลับกันไป ฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้หลายจุด และได้สถาปนาความมั่นคงเพื่อป้องกันการโต้กลับจากฝ่ายกัมพูชา
พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี บริเวณช่องอานม้าและซำแต รวมถึงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ บริเวณช่องจอม ช่องเปรอ ช่องระยี และปราสาทคนา ยังคงพบความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการโจมตีเพื่อช่วงชิงพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยยังคงได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในพื้นที่ดังกล่าว
พื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างหนักหน่วงที่สุดคือบริเวณปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นยุทธภูมิสำคัญ โดยเฉพาะบริเวณเนิน 350 ที่มีการปะทะอย่างรุนแรง ส่งผลให้ทหารฝ่ายไทยพลีชีพจำนวนมาก และยังมีทหารอีก 2 นายที่ไม่สามารถนำร่างออกจากพื้นที่ได้ในขณะนี้ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการเข้าควบคุมพื้นที่ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชายังคงรุกคืบโจมตีอย่างต่อเนื่อง

สำหรับพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพา จุดยุทธศาสตร์หลักที่ฝ่ายไทยพยายามผลักดันและยับยั้งการรุกล้ำอธิปไตยจากฝ่ายกัมพูชามี 3 จุด ได้แก่ บ้านคลองแผง บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน โดยพื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่ราบและมีชุมชนอาศัยอยู่ ทำให้ทั้งสองฝ่ายพยายามควบคุมพื้นที่ด้วยการระดมยิงอาวุธวิถีโค้ง ทั้งปืนใหญ่และจรวดเข้าหากันเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ
ทั้งนี้ ตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธ BM-21 ยิงเข้าใส่พื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่พลเรือนเป็นจำนวนหลายร้อยลูก ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามหลักสากล กองทัพบกยืนยันว่าจำเป็นต้องมีการตอบโต้ และระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นหนึ่งในจุดสำคัญที่ยังอยู่ระหว่างการช่วงชิงอย่างเข้มข้น
รองโฆษกกองทัพบกกล่าวเพิ่มเติมว่า บางพื้นที่มีสถานการณ์หนักและเบาสลับกันไป แต่ในจุดที่อยู่ระหว่างการช่วงชิงอำนาจควบคุม จะยังคงมีการสู้รบอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ฝ่ายไทยจำเป็นต้องยับยั้งการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการรุกล้ำและยึดคืนแผ่นดินไทย ควบคู่กับการเดินหน้าปฏิบัติการเพื่อทวงคืนพื้นที่อธิปไตย
นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้ดำเนินการทำลายอาวุธยิงสนับสนุนและที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่ใช้เป็นเป้าหมายโจมตีประชาชนไทย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กองทัพบกยืนยันว่าจะดำเนินปฏิบัติการโจมตีฝ่ายกัมพูชาให้สิ้นสภาพทางทหาร เพื่อยุติการคุกคามและป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อพี่น้องประชาชนคนไทยมากไปกว่านี้