วันที่ 10 กันยายน 2568 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ฝากถึง เท้ง ให้หยุดการแสดงความคิดเห็นไว้ก่อนในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดขณะนี้

ชูวิทย์ระบุว่า นักการเมืองควรหยุดหาเสียง เพราะการเมืองมีทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยปกติเมื่อรัฐบาลทำสิ่งใด ฝ่ายค้านย่อมออกมาแย้ง แต่ในช่วงนี้ นายกฯ อนุทินเลือกทิ้งการเจรจาและสั่งให้รบปะทะกับกัมพูชา ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน

ด้านเท้ง พรรคประชาชน ออกมาระบุว่าต้นตอการปะทะทุกครั้งเกิดจากฮุนเซนต้องการปกป้องสแกมเมอร์ พร้อมโยงเหตุปปง. อายัดเงินหมื่นล้านของ เบน สมิธ ก๊กอาน ยิมเลียก เฉินจื้อ ที่เพิ่งเกิดขึ้น โดยเท้งยังกล่าวว่า ฮุนเซนพยายามเบี่ยงประเด็นจากที่โลกกำลังกดดันกัมพูชาเรื่องสแกมเมอร์ ให้กลายเป็นไทยที่ถูกรุมกล่าวหาว่ารังแกรุกรานประเทศที่อ่อนแอกว่า

เขายังสรุปว่า หยุดเดินอ้อม ต้องพุ่งเป้าสู่แกนกลางปัญหา พลิกวิกฤตเป็นโอกาสหยุดชนชั้นนำที่หากินบนความเดือดร้อนของประชาชน หยุดสร้างสงครามเพื่อกลบเกลื่อนอาชญากรรมที่ตัวเองเป็นคนก่อ โดยใช้เลือดเนื้อของทหาร และประชาชนเป็นตัวประกัน

ชูวิทย์มองว่านี่เป็นพฤติกรรมที่คล้ายการหาเสียง พร้อมเตือนให้เท้งหยุดตั้งสมมติฐานที่แตกต่างออกไปก่อน เพราะช่วงเวลานี้ประเทศต้องการความสามัคคี ไม่ใช่ความขัดแย้งกันเอง

เขาย้ำว่าเมื่อกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ภาวะผู้นำของอนุทินมีทางเลือกไม่มากนัก นอกจากการยืนยัน ปกป้องอธิปไตย แม้จะเข้าใจว่า สงครามจะสร้างวีรบุรุษ ให้ นักการเมืองใช้ในการหาเสียง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะออกมาท้วงติง เพราะต้องรวมพลังต่อสู้ผู้รุกรานก่อน

ชูวิทย์ยังกล่าวถึงจุดยืนของพรรคประชาชนในยุคพิธาที่เคยหาเสียงว่า

ไม่มีการรุกรานประเทศที่อยู่ใกล้ๆ กัน มันไม่มีทะเลาะกันแล้ว บางประเทศไม่ต้องมีกองทัพแล้วด้วย

พร้อมเปรียบเทียบกับสิ่งที่เท้งเพิ่งออกมาพูดในขณะนี้ และทิ้งท้ายว่าเป็นเวลาที่นักการเมืองควร ปิดปาก และปล่อยให้ทหารทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยก่อน