กลายเป็นเรื่องที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังสังคมออนไลน์แชร์ภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ร่วมเฟรมกับ นายเบน สมิธ นักธุรกิจที่ถูกสหรัฐฯ จัดอยู่ในกลุ่มบุคคลเสี่ยงเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ระดับนานาชาติ โดยมีทั้งภาพหมู่ที่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมไทย รวมถึงภาพบนโต๊ะอาหาร นอกจากนี้ ยังมีภาพ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและ รมว.คลัง ที่ร่วมเฟรมพูดคุยกับนายเบน สมิธ

วันที่ 4 ธ.ค.2568 นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กล่าวในช่วงหนึ่งของรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ถึงกรณีภาพดังกล่าว ความว่า เมื่อวาน (3 ธ.ค.) มีโอกาสคุยกับ นายอนุทิน ถามว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง นายอนุทิน บอกว่าเป็นภาพเก่าเมื่อปี 2557 จำได้คร่าวๆ หมายความว่าหลังรัฐประหาร เมื่อปี 2557 มีการเดินทางไปสิงคโปร์ แล้วก็ไปเจอกับคณะของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง “ผู้บัญชาการกองพลที่ 1” และได้เจอกับ นายเบน สมิธ ซึ่งก็จำได้ และจนมาเป็นข่าววันนี้ก็จำได้ว่าคนนี้คือนายเบน สมิธ แต่ยืนยันว่าไม่ได้คบหา
ตั้งแต่มีการอภิปรายถึงนายเบน สมิธ ตนก็รู้ และก็เป็นคนที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่ามีความพยายามขอสัญชาติไทย และตนในฐานะรมว.มหาดไทย ก็ไม่ได้อนุญาตให้สัญชาติกับนายเบน สมิธ แต่อย่างใด นี่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่จะยืนยันว่าไม่ได้มีการคบค้า และตนก็สงสัยด้วยซ้ำไปว่า หลังจากนั้นอาจจะเป็นส่วนที่ทำให้ถูกผลักออกจากกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ จากกรณีที่ไม่ได้ให้สัญชาติกับนายเบน สมิธ
ทั้งนี้ นายอนุทิน ยังระบุอีกว่า ปี 2557 ยังไม่มีประเด็นสแกมเมอร์เกิดขึ้นเลย และไล่เหตุการณ์ว่ามีการพบปะกัน นั่งรับประทานอาหารด้วยกัน แต่ไม่ได้มีการคบหา สิ่งที่จะพิสูจน์ก็คือในรัฐบาลตน ก็มีการยึดทรัพย์นายเบน สมิธ และนายยิม เลียก ตลอดจนสั่งให้ดำเนินการไปตามกฏหมาย
