เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 เพจเฟซบุ๊ก SMART Soldiers Strong ARMY รายงานว่า อดีตเชลยศึกกัมพูชาที่ทหารไทยช่วยชีวิต รักษาพยาบาล และปล่อยตัวกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา หลังลงนามในเอกสารยืนยันว่า จะไม่กลับมารบ หรือเข้าสู่พื้นที่สู้รบอีก (Parole)
ล่าสุด ได้ถ่ายภาพตนเองอยู่ในบังเกอร์ พร้อมอาวุธปืนในแนวหน้า แสดงชัดเจนว่าได้กลับเข้าสู่การรบอีกครั้ง ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงในการปล่อยตัวอย่างชัดเจน
บุคคลในภาพคือ ซึม ซ็อมแอง หนึ่งในเชลยศึก 2 นายที่ไทยส่งตัวกลับเนื่องจากอาการป่วยหนักและมีอาการทางระบบประสาท หรือ จิตเวช ขณะนี้สื่อเขมรนำเสนอข่าวยกย่องเขาเป็น วีรบุรุษ ทั้งที่การกลับมารบซ้ำเป็นการกระทำที่ ขัดต่ออนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 ข้อ 21-22 ซึ่งกัมพูชาเป็นภาคีร่วมกับไทย และเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำมั่นที่ได้ลงนามไว้กับกองทัพไทย
การที่กัมพูชามีการนำบุคคลที่มีอาการทางจิตเวช เสียสติ หรือ สภาพจิตใจไม่ปกติมาเข้าทำการรบ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง และการกระทำเยี่ยงนี้ยิ่งเป็นที่ย้ำชัดเลยว่า การปล่อยตัวเชลยศึกที่เหลืออีก 18 ราย ไม่สามารถกระทำได้จนกว่าความเป็นปรปักษ์จะสิ้นสุดต่อกัน
กองทัพไทยจะยังคงปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม และดำเนินทุกขั้นตอนภายใต้กรอบกฎหมายสากล พร้อมรักษาความปลอดภัยของกำลังพลและอธิปไตยของประเทศอย่างสูงสุด FYI หลักการสากลที่เกี่ยวข้อง
1. อดีตเชลยศึกไม่ควรถูกบังคับกลับเข้าสู่การรบโดยทันที หลังการปล่อยตัว ตามอนุสัญญาเจนีวา
2. บุคคลที่มีภาวะปัญหาสุขภาพจิตหรือสงสัยว่ามีอาการ PTSD ถือว่าเป็นผู้เปราะบาง (Vulnerable person)
3. การนำผู้ป่วยหรือผู้สงสัยว่าป่วยทางจิตเข้าสู่สนามรบโดยไม่ผ่านการรักษาและประเมินความพร้อม ถือเป็นการเสี่ยงต่อชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
4. การใช้งานทหารหรือบุคคลในสภาพ ไม่พร้อมรบทางกายหรือทางจิตใจ อาจเข้าข่าย การละเมิดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน