ให้พังกันไปข้างหนึ่ง! สันธนะ พูดแล้ว ชีวิตต่อจากนี้ หากต้องจำคุกจริง
ข่าวการเมือง

ให้พังกันไปข้างหนึ่ง! สันธนะ พูดแล้ว ชีวิตต่อจากนี้ หากต้องจำคุกจริง

เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ที่ สน.ทองหล่อ หลังเจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบปากคำนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อายุ 66 ปี อดีตตำรวจสันติบาล นานกว่า 3 ชั่วโมง พร้อมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในคดีอุ้มรีดนักธุรกิจชาวไต้หวัน

ภายหลังการสอบปากคำ นายสันธนะ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนเดินขึ้นไปยังห้องควบคุมตัว โดยยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่มีการออกหมายเรียก และการเข้าจับกุมในวันนี้เป็นเพียงการควบคุมตัวเพื่อส่งต่อให้อัยการเท่านั้น แต่เนื่องจากในช่วงเวลานี้สำนักงานอัยการและศาลปิดทำการแล้ว ตำรวจจึงต้องควบคุมตัวไว้ก่อน เพื่อส่งตัวให้อัยการในวันรุ่งขึ้นที่ศาลอาญากรุงเทพใต้

เมื่อถูกถามถึงความกังวลต่อคดี นายสันธนะกล่าวอย่างหนักแน่นว่า ผมไม่ใช่คนชอบสาบาน แต่ถ้าเรื่องนี้ผมทำผิด ขอให้ฟ้าดินทำให้ผมอับอาย พร้อมย้ำว่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยเปิดเผยว่าเมื่อวานนี้มีนายตำรวจระดับ พล.ต.อ. พยายามติดต่อผ่านบุคคลที่สาม เพื่อขอพูดคุยและอาจมี ข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง เนื่องจากขณะนี้มีหมายจับออกมาแล้ว

นายสันธนะ กล่าวถึงข้อกล่าวหาเรื่องการเรียกค่าไถ่นักธุรกิจชาวไต้หวันว่า ไม่เคยรู้จักคนไต้หวันรายนั้นมาก่อน โดยเล่าว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องเคยอาศัยรถของคนติดตามตนมา และเกิดปัญหากันภายหลัง ตนเพียงช่วยเคลียร์ให้ในฐานะ พลเมืองดี เท่านั้น ทั้งนี้ทราบว่าบุคคลดังกล่าวโกงเงินผู้เสียหายชาวไต้หวันกว่า 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 100 ล้านบาท และภายหลังก็มีการเรียกรับเงินจากตนเพิ่มอีกกว่า 6 ล้านบาท

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่จากอดีตเคยเป็นตำรวจจับโจร วันนี้ต้องกลายเป็นผู้ต้องหา นายสันธนะตอบว่า ก็ต้องยอมรับ ถ้าคิดจะต่อสู้ เพราะตอนนี้ผมกำลังสู้กับฝ่ายการเมืองและอำนาจรัฐที่ไม่ชอบธรรม

ส่วนกรณีที่มีกระแสเชื่อมโยงว่า การจับกุมครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการที่เจ้าตัวออกมาแฉนักการเมืองที่มีความสัมพันธ์กับกัมพูชา นายสันธนะย้อนถามกลับว่า ใช่หรือไม่ พร้อมยืนยันว่า ผมไม่ได้กลัว เพราะไม่ได้ทำผิด ทั้งนี้ เจ้าตัวยังขอให้ตำรวจควบคุมตัวไว้ที่ สน.ทองหล่อ เพื่อจะได้ใช้สิทธิ์ทางกฎหมายอย่างเต็มที่ รวมถึงเตรียมดำเนินคดีกลับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกัน นายสันธนะ ยังกล่าวอีกว่า ถ้าถึงขั้นต้องเข้าเรือนจำก็ดีเหมือนกัน จะได้ไปปรึกษากับพี่ใหญ่ที่เขารออยู่ข้างใน และเมื่อถูกถามว่าไม่กลัวคู่อริหรืออย่างไร เจ้าตัวตอบด้วยท่าทีมั่นใจว่า ถ้าอยู่นอกเรือนจำผมก็เหมือนเจ้าพ่อ ถ้าเข้าไปข้างในก็เจ้าพ่อเหมือนกัน ไม่ต้องแปลกใจ พร้อมย้ำว่า ตำรวจไม่สามารถควบคุมตัวเขาได้เกินกว่ากฎหมายกำหนดแน่นอน

นอกจากนี้ นายสันธนะยังทิ้งท้ายอย่างท้าทายว่า ตนมี หลักฐานเด็ด ที่เชื่อมโยงนักการเมืองบางกลุ่ม โดยหากพ้นคดีนี้จะเดินเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด ให้พังกันไปข้างหนึ่ง

ขณะเดียวกันยังกล่าวถึง บังมัด คลองตัน ซึ่งฝากข้าวกะเพรามาให้ระหว่างถูกควบคุมตัว โดยนายสันธนะกล่าวประชดว่า ฝากบอกเอาไว้เยี่ยมตัวเองนะ เพราะมันกับพวกทั้ง 9 คน เดี๋ยวไว้ไปเยี่ยมตัวมันเอง แล้วให้มันหาที่รอไว้ข้างใน เดี๋ยวมีอีกหลายเรื่องของมัน

ข่าวที่คุณอาจสนใจ