เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 พ.ย.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายสนธิญา สวัสดี ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว (บิ๊กเต่า) รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานของ มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ซึ่งมี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เป็นผู้ก่อตั้งและเกี่ยวข้องในฐานะกรรมการบริหารหรือประธานมูลนิธิ ตั้งคำถามปมโควต้าสลากฯ 2 แสนใบ

นายสนธิญา เปิดเผยว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ตำรวจสอบสวนกลางตรวจสอบความถูกต้องในทุกมิติ ทั้งการรับเงินบริจาค การใช้เงินภายในองค์กร และการได้รับโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในจำนวนที่ผิดปกติ โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ได้รับโควต้าสลากฯ กว่า 200,000 ใบต่อหนึ่งงวด ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงมาก เมื่อเทียบกับผู้ค้ารายย่อยทั่วไปที่ได้รับไม่เกิน 2,000 ใบต่อราย
นายสนธิญา ตั้งคำถามว่า การอนุมัติโควตาดังกล่าวมาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตามขั้นตอนหรือไม่ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของระเบียบราชการหรือไม่ มีการอ้างอิงถึงคำสั่งของ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ที่ระบุว่า ผู้ที่จะรับช่วงโควต้าสลากได้ ต้องเป็นผู้สืบสันดานหรือมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับผู้ถือสิทธิ์เดิม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 จึงต้องตรวจสอบว่า กัน จอมพลัง มีความเกี่ยวพันเป็นญาติพี่น้องกับใครในกองสลากหรือไม่ เนื่องจากระเบียบไม่สามารถมอบโควต้าให้กับบุคคลทั่วไปโดยไม่มีสายสัมพันธ์ทางกฎหมายได้

นอกจากประเด็นสลากฯ แล้ว นายสนธิญา ยังระบุว่า ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของ เงินบริจาคกว่า 200 ล้านบาท ว่ามีการบริหารจัดการและรายงานต่อกระทรวงมหาดไทย ตาม ระเบียบว่าด้วยการจัดตั้งมูลนิธิ พ.ศ. 2545 หรือไม่ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ทุกมูลนิธิต้องรายงานผลการดำเนินงาน รายรับ - รายจ่ายต่อ นายทะเบียนมูลนิธิ ทุกเดือนมีนาคมของปีถัดไป หากมูลนิธินี้ไม่ส่งรายงานหรือไม่มีเอกสารยืนยันการบริหารที่โปร่งใส ย่อมเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย และต้องถูกตรวจสอบเช่นเดียวกับทุกกรณีที่ผ่านมา
นายสนธิญา ยังกล่าวถึงความไม่ชัดเจนในการให้ข้อมูลของ กัน จอมพลัง ที่เคยระบุว่าไม่ได้มีตำแหน่งในมูลนิธิ แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็น กรรมการหรือประธานมูลนิธิตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่สร้างความสับสนให้กับประชาชนที่ร่วมบริจาคเงิน

นายสนธิญา ยังได้เปิดเผยถึงข้อบังคับของมูลนิธิฯ ว่า หากมูลนิธิถูกยกเลิก ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่ต้องตรวจสอบว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาคหรือไม่ ย้ำต้องโปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ เหมือนคดีอื่น
นายสนธิญา กล่าวย้ำว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับ กัน จอมพลัง แต่เรื่องนี้ต้องเปิดให้ตรวจสอบได้อย่างเท่าเทียม และการดำเนินการครั้งนี้เทียบเคียงกับคดีของ ทนายตั้ม และ พระอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ว่าไม่ว่าผู้ใดจะมีชื่อเสียงหรือทำคุณงามความดีเพียงใด หากดำเนินการผิดกฎหมายก็ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน ตนนั้นก็เคยถูกตรวจสอบมาตลอด ไม่เคยมีปัญหา เพราะหากทำถูกต้องก็ไม่มีอะไรต้องกลัว คนที่ทำงานเพื่อสังคมต้องพร้อมถูกตรวจสอบเสมอ

นายสนธิญา ระบุในตอนท้ายว่า ในวันพุธ (5 พ.ย.) ที่จะถึงนี้ ตนจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว และหากไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างโปร่งใส ก็จะยื่นเรื่องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงยื่นฟ้องต่อ ศาลปกครอง เพื่อให้ตรวจสอบระบบการจัดสรรโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งหมดต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน