กต.เร่งหารือ! ครม.เศรษฐกิจ ปมผลกระทบเอกชนในกัมพูชา ยืนยัน “ไม่มีเปิดด่าน”
ข่าวการเมือง

กต.เร่งหารือ! ครม.เศรษฐกิจ ปมผลกระทบเอกชนในกัมพูชา ยืนยัน “ไม่มีเปิดด่าน”

วันที่ 10 ตุลาคม นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการหารือหลังนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบปะคณะผู้แทนภาคเอกชนไทยในกัมพูชา เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 90 คนเข้าร่วม

นายนิกรเดช กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ขอบคุณภาคเอกชนไทยในกัมพูชาที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ พร้อมยอมรับว่าสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดส่งผลกระทบในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การค้า และความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะมาตรการต่าง ๆ ของกัมพูชาที่ส่งผลให้ธุรกิจไทยหลายกลุ่มได้รับผลกระทบ และเกิดกระแส “บอยคอตสินค้าไทย” อย่างต่อเนื่อง

รัฐบาลไทยไม่ต้องการให้ความขัดแย้งขยายตัว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาระหว่างรัฐต่อรัฐ ไม่ได้มีเป้าหมายกระทบประชาชน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับดำเนินการในลักษณะที่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุ

ในการหารือดังกล่าว มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว โดยรัฐบาลจะนำไปกำหนดเป็นมาตรการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยคาดว่าจะมีการพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจภายในเดือนนี้ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า หน่วยงานไทยทั้งในและต่างประเทศจะดำเนินงานร่วมกันภายใต้แนวคิด ทีมไทยแลนด์ เพื่อให้การประสานงานเป็นเอกภาพและสอดคล้องกับนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะรายย่อย ให้สามารถปรับตัวท่ามกลางความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และมาตรการทางการค้า

สำหรับข้อเสนอจากภาคเอกชน มีทั้งมาตรการภาษี การเงิน สินเชื่อ และการช่วยเหลือด้านพลังงาน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการค้าชายแดนที่ชะลอตัว รวมถึงกระแสต่อต้านสินค้าไทยที่กระทบธุรกิจพลังงาน ร้านอาหาร โรงแรม และร้านค้าปลีก ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะรวบรวมเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ

โฆษกฯ ยังกล่าวถึงผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนว่า ภาครัฐรับทราบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมูลค่าการค้าชายแดนคิดเป็นกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าการค้ารวม ทั้งนี้ ภาคเอกชนได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางขนส่งจากทางบกเป็นทางเรือชั่วคราว ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังรอผลการเจรจาผ่านกลไกความร่วมมือต่าง ๆ เช่น GBC, RBC, JBC และการหารือเรื่องข้อตกลงหยุดยิง เพื่อให้เกิดสันติภาพถาวร

ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าแก้ปัญหากับกัมพูชาอย่างสันติ และหวังว่ากัมพูชาจะเลือกเส้นทางเดียวกับไทย เพื่อความสงบและความยั่งยืนของทั้งสองประเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง