พรรคประชาชน-คณะก้าวหน้า ร่วมรำลึก 49 ปี 6 ตุลา 19 ย้ำเป็นหน้าที่ทุกพรรคร่วมผลักดันรัฐธรรมนูญใหม่ให้สำเร็จ
ข่าวการเมือง

พรรคประชาชน-คณะก้าวหน้า ร่วมรำลึก 49 ปี 6 ตุลา 19 ย้ำเป็นหน้าที่ทุกพรรคร่วมผลักดันรัฐธรรมนูญใหม่ให้สำเร็จ

วันที่ 6 ตุลาคม 2568 ที่ลานประติมากรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แกนนำและ สส.พรรคประชาชน นำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยแกนนำคณะก้าวหน้า ประกอบด้วย ชัยธวัช ตุลาธน และ พรรณิการ์ วานิช ร่วมวางพวงมาลารำลึกครบรอบ 49 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นต่างๆ

โดยณัฐพงษ์ ระบุว่า แม้ตนจะเกิดไม่ทันเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรหลงลืมไปในหน้าประวัติศาสตร์ของไทย สิ่งที่พวกตนเรียกร้องมาตลอดก็คือสังคมที่มีความเป็นประชาธิปไตย แม้จะมีเสียงสะท้อนบางส่วนที่อาจรู้สึกผิดหวังบ้างจากการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาและพวกตนก็เข้าใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่พวกตนตัดสินใจไปก็เพื่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้ระบอบการปกครองของประเทศนี้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ให้ประเทศนี้เดินหน้าต่อไปได้ ให้เกิดการปฏิรูปกองทัพและหยุดวงจรการรัฐประหาร และไม่ให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนแบบที่ผ่านมาได้อีก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต่อจากนี้ ณัฐพงษ์ระบุว่าสิ่งที่ตนมองไปไกลกว่านั้น คือหลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้ว และหากการทำประชามติผ่าน สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือเนื้อหาภายในรัฐธรรมนูญเองว่าจะต้องมีการปรับปรุงอย่างไรบ้าง การจัดตำแหน่งแห่งที่ขององค์กรอิสระต่างๆ ทำอย่างไรไม่ให้ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธทำลายล้างกันทางการเมือง ทำให้เกิดการถ่วงดุลตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตได้จริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนอยากเห็น 

ส่วนประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน พวกตนรับรู้รับทราบดี จะต้องมีการใช้เวทีในรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นสภาที่ปรึกษาผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาชนเองก็ได้ออกแบบกระบวนการที่ต้องการให้มีตัวแทนประชาชนจากทุกพื้นที่มาสะท้อนความเห็นให้สภาที่ปรึกษาฯ หรือคณะกรรมการยกร่างฯ เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในการหารือได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ความละเอียดอ่อนหรือปัญหาปากท้องของประชาชนทุกคน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลใดเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญหรือไม่ ณัฐพงษ์ระบุว่ามีการประเมินไว้อยู่แล้ว แต่ก็เป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมือง รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องช่วยกันส่งเสียงเรียกร้องไปถึงสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งสิ่งที่ประชาชนร่วมสะท้อนเสียงออกมาว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นสิ่งสำคัญ และไม่มีเหตุผลอันใดที่ใครจะมาขวางกระบวนการนี้ สุดท้ายผู้ที่จะเป็นคนตัดสินก็คือประชาชนที่จะไปออกเสียงประชามติพร้อมกันในวันเลือกตั้ง

กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนไม่ว่าจะมาจาก สส. หรือ สว. ที่อย่างน้อยควรจะต้องลงมติเห็นชอบในหลักการในวาระที่ 1 ก่อน เพื่อที่จะรับทุกร่างเข้าไปหารือกันเพิ่มเติมในช่วง 2-3 เดือนต่อจากนี้ รายละเอียดข้อแตกต่างว่าเห็นแตกต่างกันอย่างไร ยังมีเวลาและเวทีที่ไปหารือในรัฐสภาในช่วง 2-3 เดือนต่อจากนี้ได้อยู่

ผู้สื่อข่าวนครบาลทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน