เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่จังหวัดสระแก้วว่า ขณะนี้ได้ยกระดับจากปัญหาในระดับจังหวัดขึ้นสู่ระดับชาติแล้ว โดยเป็นเรื่องที่ฝ่ายนโยบายส่วนกลางจะเข้ามาดำเนินการในลักษณะ Top-Down จากผู้บริหารระดับสูง ไม่ใช่เรื่องที่จังหวัดจะจัดการเพียงลำพัง

นายปริญญา กล่าวถึงการหารือในวันที่ 10 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ว่า จะมีการเจรจาผ่านกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (GBC) ระดับรัฐมนตรี โดยฝ่ายไทยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้แทนร่วมพูดคุยกับกัมพูชา ขณะที่ฝ่ายจังหวัดจะเน้นการเฝ้าระวังพื้นที่อย่างเข้มงวด และเตรียมพร้อมแผนปฏิบัติการหากสถานการณ์มีความรุนแรง โดยใช้กองกำลังควบคุมฝูงชน (คฝ.) และบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะในกรณีการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

ส่วนกรณีที่ผู้ว่าฯ ของกัมพูชาที่จะคุยกับผม ผมไม่คุยแล้ว พอเลิกคุยกัน นายปริญญากล่าวอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำว่า ท่าทีที่กัมพูชาระบุว่าปิดด่านไป 10 ปีก็ไม่มีปัญหา ถือเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือคนไทยต้องไม่แตกแยกกันเอง แต่ควรรวมพลังกันเผชิญสถานการณ์อย่างมีเอกภาพ เราต้องแสดงออกถึงความรักชาติและความสามัคคี เพราะไม่มีใครไม่รักชาติ

ทั้งนี้ นายปริญญายังฝากเตือนประชาชน และสื่อมวลชนว่า อย่าเผยแพร่ข้อมูลที่ตั้งฐานปฏิบัติการ อาวุธยุทโธปกรณ์ หรือกำลังพล เนื่องจากฝั่งกัมพูชามีการตั้งวอรูมคอยติดตามความเคลื่อนไหวของไทยอย่างใกล้ชิด

ด้าน พ.อ.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ก็ได้เน้นย้ำไปในทิศทางเดียวกันว่า ขอวอนสื่อมวลชน และสังคมออนไลน์ งดเผยแพร่พิกัดหรือภาพการเคลื่อนย้ายกำลังทหาร เพราะข้อมูลดังกล่าวถูกจับตามองจากกัมพูชาเช่นกัน พร้อมยืนยันว่ากองทัพมีความพร้อมปฏิบัติการตลอดเวลา และรอสถานการณ์ที่เหมาะสม ถึงเวลาจะปฏิบัติทันที